วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2559

บทที่ 2 : หินประหลาด Rewrite

บทที่ 002 หินประหลาด


"พี่หมิง,พี่เป็นผู้รู้อย่างแท้จริง!" หลินเซี่ยวตงว่ากล่าวอย่างออกรสขณะที่พวกเขาเดินลงไปที่ถนน


หลินหมิงยังคงเงียบสงบ สิ่งที่เขาได้กล่าวฟังดูที่ยิ่งใหญ่และน่าประทับใจ แต่มันจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาที่จะแซงจู้ยัน ปริมาณของความพยายามที่เขาจะต้องใช้นั้นมหาศาล


เขาไม่มีความกลัวในการทำงานหนักหรือขมขื่นแต่อย่างใด แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถกล่าวว่าสำหรับการบาดเจ็บภายใน สมุนไพรเป็นสิ่งที่จำเป็นในการรักษาผู้บาดเจ็บและยารักษาโรคเหล่านั้นมีราคาแพงอย่างไม่ต้องสงสัย


หลินเซี่ยวตงเองก็สามารถที่จะคาดเดาสิ่งที่หลินหมิงคิดและพูดว่า "พี่หมิงทั้งหมดที่พี่ต้องทำคือการฝึกซ้อมอย่างหนัก ส่วนทางด้านการเงินข้าคอยจะสนับสนุนพี่เอง เพียงแค่มีความมั่นใจในตัวเอง,แม้ว่าตำแหน่งของคุณปู่ของข้าในครอบครัวอาจไม่ได้สูงส่งแต่ก็ยังคงไม่มีอะไรที่จะเย้ยหยันได้ แค่เพียงไม่กี่ร้อยเหรียญทองคงไม่ได้สำคัญสำหรับเขา "


หลินหมิงหยุดเดินและหันไปรอบๆ ก่อนที่จะเผชิญกับหลินเซี่ยวตง ในชีวิตมีเพื่อนหลายคนที่เป็นธรรม แต่ผู้ที่จะให้ความช่วยเหลือเขาในเวลาที่เขาต้องการนั้นหาได้ยาก ถึงแม้ระหว่างพี่น้องการขอบคุณอาจไม่จำเป็น แต่หลินหมิงยังคงหยุดและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "เซี่ยวตง, ขอบคุณมาก"


"พอแค่นั้นเถอะ เพียงเท่านี้ก็มากเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้เป็นคนที่แสวงหามากในชีวิต การสอบเข้าสำนักเจ็ดแก่นแท้เป็นเพียงวิธีการที่จะปกป้องชื่อเสียงของพ่อข้า พี่หมิง, ข้าจะเดิมพันในตัวพี่ หลังจากที่พี่ได้กลายเป็นเสาหลักในอนาคตพี่จะต้องช่วยให้คนอื่นเทิดทูนข้าสักหน่อยฮ่า ๆ ๆ ๆ . "


หลินหมิงยิ้มและหัวเราะ "แน่นอน! กับน้องชายอย่างเจ้า แน่นอนข้าเองก็ต้องอดทนในวิถีการแห่งต่อสู้. "


เมื่อหลินหมิงกลับไปยังสถานที่ที่อยู่อาศัยของเขามันเป็นตอนเย็นแล้ว ห้องพักนี้เป็นห้องหนึ่งที่เคยถูกเปิดให้เช่า ในช่วงเวลานี้ตั้งแต่วันที่สำนักเจ็ดแก่นแท้เริ่มลงทะเบียนสำหรับการประเมินเข้าจนกว่าจะถึงวันของการประเมินตนทุกสถานที่ที่อยู่อาศัยภายในเมืองลิขิตนภา จะได้รับการบริการอย่างเต็มรูปแบบ อัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้นกว่าครึ่ง ดังนั้นผู้สมัครจำนวนมากจะเลือกที่จะเช่าห้องพักที่อยู่ที่นี่ไม่ได้เป็นตัวเลือกที่ถูกๆเอาเสียเลย


หลินหมิงได้เช่าห้องเดี่ยวเพียงสิบตารางเมตรในพื้นที่ที่ดูเรียบง่าย ในขณะที่เขากำลังจะเริ่มต้นการทำสมาธิของเขาบนที่นอนมีคนมาเคาะประตู


หลินหมิงเปิดประตูเพื่อดูเจ้าของที่พักที่เป็นหญิงยืนอยู่ที่นั่น เจ้าของที่พักเป็นผู้หญิงอายุประมาณห้าสิบปีที่มีร่างกายที่ค่อนข้างอ้วน ใบหน้าของเจ้าของที่พักแลดูรุนแรง แต่วันนี้เธอกำลังหยอกรอยยิ้มที่ดูน่ารื่นรมย์ก่อให้หลินหมิงจะรู้สึกว่ามีเรื่องบางอย่างผิดปกติ


"เจ้าของที่พัก ท่านมีอะไร?"


"นี่ ... ท่านผู้เช่าข้าขอโทษ แต่เจ้าโปรดออกไปจากห้องนี้".


"หะ?" หลินหมิงขมวดคิ้ว "ทำไม?"


"หึหึขอโทษนะ แต่ข้าได้เช่าห้องนี้แล้ว" เสียงอันรุนแรงของชายหนุ่มดังขึ้นมาขัดจังหวะ หลินหมิงหันไปรอบๆ และพบว่าคนที่มีใสต่างหูลิงขนาดใหญ่มาด้วยเดินมาจากห้องโถง ชายคนนี้ยิ้มในลักษณะที่ดูเหมือนขี้เล่น


เมื่อมองดูเขา หลินหมิงก็รู้ได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในลูกน้องที่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของจู้ยันพร้อมชายหนุ่มคนอื่นๆ ชายหนุ่มคนอื่นๆ ก็ยังคงเงียบเพียงมองไปที่หลินหมิงและหลินเซี่ยวตงด้วยท่าทีแสดงออกถึงการดูถูก


ไม่มีข้อสงสัย เขาต้องผู้ที่กำลังพยายามหาความดีความชอบจากจู้ยันด้วยการส่งสมุนของเขาเองมาสร้างปัญหาให้หลินหมิง ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็มีแค่เพิ่มค่าเช่าให้สูงขึ้นหลายเท่า เป็นธรรมดาที่เจ้าของที่พักจะบังคับไล่ให้เขาออกไป


ปัจจุบันสำนักเจ็ดแก่นแท้จัดงานลงทะเบียนที่นำไปสู่ความยากลำบากในการค้นหาสถานที่พักอาศัย การจะหาสถานที่อื่นเช่าเป็นเรื่องยาก แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีอะไรมารับประกันว่าสมุนของจู้ยันจะไม่ตามไปก่อปัญหาให้เขาอีก


ใบหน้าหลินหมิงหนักแน่นและเขาจ้องมองอย่างเย็นชาไปที่เจ้าของที่พัก "ตอนนั้นพวกเราได้เห็นพ้องกันว่าข้าจะได้เช่าเป็นเวลาห้าเดือน ข้าได้จ่ายเงินเป็นค่าเช่าห้าเดือนล่วงหน้าไปแล้ว ปัจจุบันยังคงมีเวลาอีกสามเดือนจนกว่าจะหมดสัญญา แต่เจ้าต้องการให้ข้าไปออกตอนนี้อย่างงั้นหรอ "


เจ้าของที่พักหญิงยิ้มขอโทษ "นี่ ... ธรรมดาที่ข้าจะตระหนักถึงเรื่องนี้และวิธีจัดการกับเรื่องนี้ เข้าจะคือเช่าสำหรับสามเดือนกลับคือให้เจ้าซะ ? "


"อ่า! คืนค่าเช่าสามเดือน '? ช่างมีจิตใจเที่ยงธรรมซะเหลือเกิน! "ความโกรธหลินหมิงเริ่มเดือดขั้น หากเจ้าของที่พักนี้ถูกบังคับให้ขับไล่เขาเนื่องจากการกดดันของบุคคลอื่นแล้วหลินหมิงก็จะยอม แต่การกระทำของมันในปัจจุบันและคำพูดของมันที่ได้ทำให้เขาโกรธ


"เฮ้พวกเราพูดถึงการจ่ายคืน พวกเราได้พูดคุยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องนี้ และไม่ได้ลงนามลายลักษณ์อักษรในสัญญาไว้เป็นหลักฐาน สิทธ์ในการเลือกคนเช่ามันขึ้นอยู่กับข้าเท่านั้น! "เมื่อพิจารณาสถานะเมืองลิขิตฟ้าเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรทั้งหมดเจ้าของทรัพย์สินที่นี่มีความรู้สึกในจิตใต้สำนึกที่เหนือกว่ากับพวกเขาทุกคนที่มาจากภายนอก พวกเขาจะมองลงมาในขณะที่พูดในโทนของความรังเกียจ นอกจากนี้ชายคนที่อยู่ข้างๆเธอเห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่ส่งมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยและมีฐานะดี เมื่อมีใครบางคนเช่นนี้สนับสนุนมัน เจ้าของที่พักจึงมีความกล้าหาญมากขึ้น


ตอนนี้คนที่มีลิงก็หัวเราะออกมาอย่างวางท่า "ถ้าแกเป็นยอมรับและออกไปในทันที ข้าจะบอกอะไรแกอย่างหนึ่ง ไม่ว่าแกจะจัดการหาสถานที่อื่นเช่าข้าก็จะยังคงสามารถที่จะไปไล่แกออกอยู่ดี ภายในสามเดือนก่อนการประเมินเข้าสำนักเจ็ดแก่นแท้จะเริ่มต้นแกก็ควรจะไปนอนหลับอยู่บนถนนฮ่าฮ่า! "


สำหรับผู้ที่เกิดในตระกูลของชนชั้นสูงมันเป็นเพียงธรรมชาติสำหรับพวกเขาที่จะสร้างความรู้สึกที่เหนือกว่าและหยิ่ง อย่างไรก็ตามแม้พวกเขาได้แสดงความเย่อหยิ่งของพวกเขาพวกเขาจะยังคงรักษาท่าทีในการพูดกับคนอย่างจู้ยัน คนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าได้เผยให้เห็นรูปแบบที่เปลือยเปล่าของความเย่อหยิ่งของผู้ที่จะรังเกียดบางคนเพราะคนอื่นรังเกียด


หลินหมิงจ้องมองมาที่คนที่ใสต่างหูลิง ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสายตาที่เย็นชาอย่างไม่สนใจช่วงเวลาที่ผ่านมา


"มองหาอะไรของแก? กำลังคิดจะสู้กับข้า? จะบอกอะไรให้นะ นายน้อยของข้าเป็นลูกคนที่สองของแม่ทัพแห่งเมืองลิขิตฟ้า ถ้าแกกล้าทำร้ายข้า เขาจะต้อง ... "


"ไปซะ!" หลินหมิงตะโกนและออกหมัดอย่างรุนแรงใส่ไปที่จมูกของมัน "ปัก" มันลอยออกไปด้วยเสียงกระแทก หลังจากนั้นชายคนนั้นพูดบนกองเศษเฟอร์นิเจอร์ที่หักและกระถาง ผมของเขากระเซิงและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยหยดเลือด


ด้วยความสามารถของหมัดที่สะเทือนต้นไม้เหล็กได้ คนที่หลงโดนเข้าไปเต็มที่หน้า ผลที่ได้รับอาจคิดไม่ถึง จมูกของชายคนนั้นทั้งหมดจมเข้าไป


กลายเป็นเจ้าของที่พักหญิงที่ตกใจ ดวงตาของมันโป่งออกก่อนที่จู่ๆ ก็ตะโกนออกมาอย่างน่าสังเวช "ช่วยด้วย! ฆาตกรรม! "


เจ้าของที่ดินหญิงรีบหนีออกไป แต่ด้วยขาที่เต็มไปด้วยไขมันของมันจึงไม่สามารถที่จะไปได้ไกลนักและมันล้มลงบนพื้นดัง"พร็อบ"


หลินหมิงก้าวไปหาคนที่ใส่ต่างหูลิง แม้ว่าขั้นตอนแรกของการฝึกอบรมทางกายภาพเป็นเพียงดินแดนเริ่มต้นของการต่อสู้มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไร้ค่า หลังจากที่คนจำนวนมากที่อยู่ในอาณาจักรลิขิตฟ้า ไม่สามารถที่จะฝึกอบรมในศิลปะการต่อสู้ ในทางกลับกันหลินหมิงที่มีความสามารถที่ดีที่ขั้นเริ่มต้น นอกจากนี้เขายังฝึกหนักอย่างมาก ในหนึ่งพันคนที่มีความสามารถระดับเดียวกับเขา ก็อาจจะเป็นเรื่องยากที่มีซักคนที่มีความแข็งแรงเท่าเขา ในฐานะที่ชายคนนี้เขาเป็นเพียงลูกสมุนและไม่ได้ใช้ความพยายามมากสำหรับหลินหมิงที่จะจัดการกับเขา


มันเก็บเสียครางเอาไว้อย่างไม่เคยคิดว่าหลินหมิงจะกล้าทำเช่นนี้ มันยกนิ้วเปื้อนเลือดและชี้ไปที่หลินหมิง "แก ... แกกล้าทำร้ายข้า... แกเสร็จแน่"


"ข้าไม่รู้สิ่งใดจะเกิดขึ้นกับข้า แต่ข้ารู้ว่าเจ้าเสร็จไปแล้ว" หลินหมิงเตะไปที่หน้าท้องของชายคนนั้นทำให้มันร้องไห้ออกมาอย่างน่าสังเวช อีกครั้งและอีกครั้ง เวลานี้ยากจะผ่านประตูออกไปและจบลงด้วยการถูกเตะออกไป


หลินหมิงไม่ได้พูดอะไร เขากลับไปที่ห้องของเขาและเก็บข้าวของของเขาและเริ่มที่จะจากไป บ้านทั้งหลังพังเละทำให้เจ้าของที่พักเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ มันกล่าวว่าเหนียม "แก ...แกจะไปอย่างนั้นไม่ได้ ... แก ... แกต้องชดใช้."


หลินหมิงหยุดเดินเขาหันกลับมาเผชิญกับเจ้าของที่ล้มลงบนพื้นเหมือนก้อนเนื้อ เขาถาม. "ชดใช้?"


"ชดใช้ แกต้องชดใช้ ... ... " เสียงของเจ้าของที่พักเริ่มสูญเสียความแข็งแรง มันรู้สึกราวกับว่าสายตาของชายหนุ่มคนที่เธอเห็นเป็นเหมือนหน้าต่างเข้าไปสู่เหวนรกที่ทำให้เธอตัวสั่น


โดยไม่ได้พูดอะไร หลินหมิงเจาะผนังด้วยกำปั้นของเขาทะลุผ่านกำแพงอิฐของบ้านทำให้บ้านทั้งหลังสั่นและเกิดฝุ่นละอองจะตกมาจากเพดาน เจ้าของที่พักกรีดร้องออกมาและเป็นลมไป


หลินหมิงสะพายกระเป๋าเดินทางของเขาและเดินออกจากบ้านโดยไม่เหลี่ยวแลคนที่เป็นลม


หลินหมิงก็รู้ดีว่าหลังจากที่จัดการชายคนนั้น คนที่อยู่เบื้องหลังเขาจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปและแน่นอนว่าจะนำพาปัญหามาให้ แต่หลินหมิงก็ไม่มีความเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป


ในฐานะที่เป็นคน จำเป็นที่จะต้องอดทน ถ้าคนที่มาในวันนี้มีศิลปะการต่อสู้ หลินหมิงจะไม่ทำอะไรเขาทำและจะได้เลือกที่จะทน การสูญเสียนี้เป็นสิ่งคนหนึ่งที่จะต้องทน อย่างไรก็ตามการปรากฏออกมาก่อนของสมุนไร้ค่าคนหนึ่งที่ได้ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของเจ้านายของมัน หากหลินหมิงต้องทนสิ่งที่มันผู้นั้นได้กล่าวแล้วสิ่งที่เป็นจุดประสงค์แห่งวิถีการต่อสู้จะเหลืออะไร?


มันเป็นสิ่งที่เข้ากันไม่ได้กับวิธีการต่อสู้ภายในหัวใจของหลินหมิง


ดังนั้นหลินหมิง เลือกไปอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง หลังจากที่ในขณะที่เขาสะพายกระเป๋าเป้บนหลังของเขาและเริ่มการพิจารณาวิธีการที่จะแก้ปัญหาเรื่องอยู่อาศัยของเขา ณ ตอนนี้ที่พักขนาดเล็กทั้งหมดต่างก็เต็มหมดแล้ว นอกจากนี้ราคาก็ยังเป็นราคาที่แพงเกินไปสำหรับเขา แม้จะไม่มีใครคัดค้านหากเขาจะหลับนอนในป่า หลินเซี่ยวตงอาจจะเอะอะโวยวายและยืนยันที่จะนำเขาไปอยู่ด้วย


หากหลินหมิงทำเช่นนั้นและลูกชายคนที่สองของชายคนนั้นส่งกองทัพมา อาจทำให้หลินเซี่ยวตงเองไม่สามารถอยู่อย่างเป็นสุขในบ้านของเขา เขาอาจยังต้องมาหลับนอนอยู่บนท้องถนนพร้อมกับหลินหมิง


ยิ่งกว่านั้น หลินหมิงอาจเป็นตัวปัญหาที่อันตราย ไม่มีการรับประกันว่าลูกชายคนที่สองของมันจะไม่ส่งกองทัพอันธพาลมา ในสายตาของคนเหล่านี้ที่มองคนอื่นๆ การทำให้กลายเป็นคนพิการไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย หลินหมิงไม่ได้ต้องการที่จะนำเรื่องเช่นนี้มาเป็นปัญหาให้หลินเซี่ยวตง


เมื่อเป็นเช่นนั้น แล้วเขาจะไปที่ไหน?


หลังจากใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องนี้ในที่สุดหลินหมิงคิดได้สถานที่ -นั้นคือ สถานประกอบการอาหารที่หรูหราที่สุดในเมืองลิขิตฟ้า - ศาลาจันทร์กระจ่าง


ที่ศาลาจันทร์กระจ่างมีทั้งหมดลูกค้าชั้นสูงส่ง พวกเขานั้นมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ด้วยเช่นฐานะที่แข็งแกร่งนั้น การเป็นลูกชายคนที่สองที่เป็นกองทัพกลาโหมไม่สามารถทำอะไรได้


เหตุผลหลินหมิงเลือกที่จะไปศาลาจันทร์กระจ่างนั้นเห็นได้ชัดว่าจะเขาจะไม่จ่ายเงินในการเช่าสถานที่พัก เขากำลังมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อหางานทำ พ่อแม่หลินหมิงทำงานร้านอาหารทำให้หลินหมิงจะสามารถปรุงรสชาติอาหารของเขาออกมาได้ดีมากเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้มั่นใจพอที่จะคิดว่าเขาสามารถแข่งขันกับพ่อครัวผู้ที่อยู่ในเมืองลิขิตฟ้าได้ เพราะความชอบของเขาไม่ได้อยู่ในเรื่องการปรุงอาหาร ...


...


ศาลาจันทร์กระจ่างยังคงสว่างสดใสในขณะที่หลินหมิงมาถึง มันเป็นสถานประกอบการที่มีธุรกิจที่ดีที่สุดในเมืองลิขิตฟ้า


หลินหมิงในชุดที่เป็นธรรมดาเกินไป ทำให้ทุกคนที่เห็นเขาเดินเข้าสู่สถานประกอบการ มองไปที่เขาด้วยสีหน้าแปลกใจ คนที่มีใส่เสื้อผ้าเช่นนั้นมักจะไม่อาจที่รับประทานในศาลาจันทร์กระจ่างนี้ได้ นอกจากนี้ยังมีความจริงที่ว่าหลินหมิงเป็นเด็กวัยสิบห้าปี


แต่พวกบริกรก็ยังทำตัวเป็นกันเองกับเขาแล้วเดินมาถามถาม "น้องชายตัวน้อย หลงกับพ่อแม่หรือป่าว?"


หลินหมิงส่ายหัวและตอบว่า "ข้ามาที่นี่เพื่อหางาน."


ได้ยินดังนั้นบริกรก็ขมวดคิ้ว ด้วยงานของพวกเขา เด็กสิบห้าปีจะทำได้อย่างไร นี่ต้องการสาวงามอายุอย่างน้อยสิบแปดปีหรือหนุ่มหล่อที่มีอายุอย่างน้อยยี่สิบปีในฐานะที่เป็นผู้ช่วยปรุงอาหาร เด็กสิบห้าปีสามารถปรุงอาหารอะไรได้?


"ไปให้พ้นอย่าก่อให้เกิดความวุ่นวายที่นี่" บริกรโบกมืออย่างไม่สบอารมณ์


"ข้าสามารถทำงานได้เพียงแค่ให้ข้าเข้าไปในห้องครัว"


บริกรถามอย่างหัวเสีย "อย่างเจ้าจะไปทำอะไรได้?"