วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2559



บทที่ 30 กำหลาบบุตรท่านแม่ทัพ

...

...

...

เมื่อได้ยินคำกล่าวยั่วยุจากหลินหมิง ถึงเรื่องเมื่อ 3 เดือนก่อน หวังยี่เกาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มันเป็นสิ่งที่น่าอับอายที่สุดในชีวิตเขา
“พวกเจ้ารออะไรกันอยู่! จะจัดการมันดีๆหรือจะไปด้วยน้ำตา?”

ในบรรดาลูกน้องที่ติดตามหวังยี่เกา ล้วนแล้วแต่เคยไปข่มเหงรังแกผู้คนทั้งชายหญิง หวังยี่เกาเป็นดั่งร่มเงาของพวกเขา
ถ้า หากถูกเขี่ยทิ้งแล้ว พวกเขาก็ไม่มีที่พึ่งอีกต่อไป อาจจะมีคนที่มีความแค้นเก่ามาแก้แค้นพวกเขาก็เป็นได้ พวกเขาจะไม่มีที่ให้ยืนในเมืองลิขิตฟ้าอีกต่อไป

เมื่อคิดถึงผลที่ตามมาแล้ว พวกลูกสมุนจึงตัดสินใจที่จะคาบลูกปืน (ไปตายเอาดาบหน้า) แล้ววิ่งตรงไปยังหลินหมิง

หลินหมิงมองด้วยสายตาเย็นชา เขาตวัดหอกที่หล่นอยู่แทบเท้าขึ้นมา จับมันไว้อย่างมั่นคง แล้วกวัดแกว่งหอกออกไปเหมือนการกวาดลูกไก่ 5-6คนลอยไปในอากาศทันที

ความเจ็บปวดพลันแล่นเข้าหาพวกเขากลางอากาศ พวกเขาดูน่าสงสารยิ่ง เมื่อตกลงมากระแทกกับพื้นก็ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด หลินหมิงไม่ได้พูดคำใดออกมา เขาแค่แกว่งหอกเบาๆ โดยใช้พลังไม่ถึง 1ใน4ส่วน เท่านั้น พวกเขาไม่น่าจะบาดเจ็บขนาดนั้นได้ (เก่งไปนะบางที)

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นแค่ลูกน้อง แต่เมื่อเห็นหลินหมิงล้มไปได้ 7-8 คนในคราเดียวก็ทำให้ฝูงชนรอบๆตื่นตะลึง ผู้คนเริ่มมาร่วมดูหตุการณ์กันเยอะขึ้นเรื่อยๆ

ในพริบตาเดียวหลินหมิงก็ได้เก็บกวาดลูกน้องของหวังยี่เกาจนหมด จนเหลือแต่มันเพียงคนเดียวเท่านั้น

หวังยี่เกาเริ่มกลัวตัวสั่น และก้าวถอยหลังออกไป เมื่อเห็นหลินหมิงเดินเข้ามาหาอย่างช้าๆ หวังยี่เกาที่เคยได้ปรากฏตัวออกมาอย่างองอาจแต่ทว่า ณ ตอนนี้เหล่าลูกน้องมากมายของเขาแพ้หมดรูป เขาจะต้องพ่ายแพ้อย่างขายหน้าอีกครั้งรึ....

“หลินหมิง แกต้องการอะไร ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน อย่าทำอะไรที่อุกอาจให้มากนัก ไม่งั้นศพเจ้าไม่สวยแน่!!”

หลินหมิงมองหวังยี่เกาดั่งมองแมลงวันตัวเล็กๆแล้วกล่าวว่า “แม้กระทั่งเศษใบไม้อ่อนๆยังมีเส้นใบชัดเจน แต่ในฐานะนักรบเจ้ากลับสูญเสียความกล้าหาญทั้งยังทำตัวขลาดเขลา ข้าปล่อยเจ้าไปแล้วเจ้ายังกลับมาระรานข้าอีก ถ้าข้าปล่อยเจ้าไปในครานี้ ข้าจะฝึกฝนวรยุทธไปเพื่ออะไรกัน!!”

ว่าแล้วหลินหมิงก็พุ่งเข้าประชิดตัวมันในทันที หวังยี่เกา กลัวจนฉี่แทบราดพลางคิดในใจ หลินหมิงบ้าไปแล้วรึ ข้าเป็นถึงลูกของท่านแม่ทัพผู้ยิงใหญ่!!
มันจะทำร้ายข้าเนี่ยนะ!!

“บังอาจ!! พ่อข้าเป็นถึง………”

หวังยี่เกา ร้องออกมาอย่างน่าสงสารในขณะที่หลินหมิงต่อยไปที่ท้องของมัน หมัดของหลินหมิงเปี่ยมด้วยกำลังภายใน แม้เขาจะใช้ ‘ไหลลื่นดุจแพรไหม’ ไม่ได้ถึงขีดสุดที่ แต่เขาก็สามารถใช้มันได้ในขั้นแรก
หมัดที่เต็มไปด้วยพลังปราณ กระแทกเข้าที่หน้าท้องของหวังยี่เกา จนเลือดกกปาก

หลินหมิงใช้มืออีกข้าง ตบไปที่แก้มข้างขวาเสียงดัง “แป๊ะ” แรงเสียจนฟันหลุดกระเด็นออกมา หวังยี่เกา หมุนตัวลอยแล้วตกลงพื้นมองเห็นดาวเต็มไปหมด (ซู้ดด เพลงมา)

“แก...แก…” หวังยี่เกาเอามือปิดปากตนเองไว้ พลันโกรธจนตาแดงก่ำ หวังยี่เกา โตมาด้วยการเลี้ยงดูแบบลูกผู้ดี ไม่มีใครเคยทำร้ายเขามาก่อน เขาพยายามเอานิ้วชี้หน้าหลินหมิง “ข้า...ข้าจะต้องฆ่าเจ้า!!”

“ฆ่าข้ารึ ข้าว่าเจ้าคงไม่มีโอกาสนั้นนะ” หลินหมิงเดินเข้าไปหาหวังยี่เกาอีกครั้ง พร้อมด้วยจิตสังหารอันน่าหวาดกลัว

หลังจากรู้สึกถึงจิตสังหารรุนแรง คอของเขาอยู่ห่างจากปลายหอกแค่คืบเดียว ความโกรธและความจองหองของหวังยี่เกาหายไปหมดสิ้น!! เหลือไว้แต่ความรักตัวกลัวตาย เขาคลานหนีอย่างน่าสมเพช พลางตะโกนว่า

“ฆาตกร!!!”

หลินหมิงรู้ว่าเขาไม่สามารถฆ่าลูกชายของมาทัพได้ในตอนนี้ มันโจ่งแจ้งเกินไป และแม้ว่าหมัดที่เขาต่อยไปจะประกอบด้วยพลังปราน มันก็แค่ทำให้จุกและบอบช้ำเท่านั้น แผลพวกนั้นสามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้ยาสมุนไพร

บนถนนสายหลัก เสียงฝีเท้าม้าใกล้เข้ามา หลินหมิงมองไป ก็เห็นชายวัยประมาน30 เขาไว้หนวด สวมชุดหัวหน้าหน่วย และคล้องดาบไว้ที่เอว เขาควบม้ามาอย่างว่องไว ด้านหลังของเขาก็มีพวกเจ้าหน้าที่ตามมาติดๆ

เมื่อเห็นผู้รักษาความปลอกภัยมา หวังยี่เกาเหมือนเห็นแสงสว่าง เขารีบตะโกน “ช่วยข้าด้วย! มันพยายามจะฆ่าข้า!!”

หลินหมิงเห็นดังนั้นก็หน้าบึ้งลงทันที ทำไมเขาจะไม่รู้ว่า หวังยี่เกาพยายามจะกุเรื่องเหลวไหลขึ้นมา จริงๆแล้วหลินหมิงต้องการให้เรื่องบานปลายไปอีกหน่อย เพื่อผู้ที่ควบคุมดูแลจากสำนักเจ็ดแก่นแท้มาจับหวังยี่เกาไป
มันจะทำให้หวังยี่เกาพลาดโอกาสในการสอบ จนอาจถึงขั้นถูกกักขัง

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” หัวหน้าผู้รักษาความปลอดภัยเฉ่าหมิงชาน ถามออกมา เขาอายุได้ 30 ปี และมีการฝึกฝนขั้นที่4 นอกจากนั้นยังเป็นหัวหน้าของผู้รักษาความปลอดภัยในเมืองลิขิตฟ้าแห่งนี้ด้วย

เฉ่าหมิงซาน ถามไปยังพวกที่นอนหมดสภาพอยู่ พวกนั้นคลานไปใกล้ๆเฉ่าหมิงชาน

“มันทำร้ายพวกข้าขอรับ มันวางแผนจะฆ่านายน้อยของพวกเรา!!” หลินหมิงคิดไว้แล้วไม่มีผิด พวกมันต้องวางแผนชั่วร้ายเอาไว้

“ถูกต้องแล้วขอรับ ดูบาดแผลบนตัวข้าสิ มันจู่โจมพวกข้าโดยใช้หอก โชคดีที่ข้าป้องกันไว้ได้ทัน จึงมีเพียงกระดูกที่หักบางแห่งเท่านั้น”
หนึ่งในพวกลูกน้องถอดเสื้อแสดงหลักฐานให้ดู ลักษณะแผล เป็นแผลถูกฟาดเป็นรอยยาว

ในมือหลินหมิงเองก็กำลังถือหอกอยู่ จากพยานและหลักฐานตรงหน้าแทบจะสรุปได้ทันทีว่าใครผิด

“พี่เฉ่า ข้าขอยาหน่อ….” ทันทีที่หวังยี่เกาเริ่มจะเปิดปากพูด เลือดก็ไหลออกมาจนแทบสำลัก เฉ่าหมิงชาน จึงรีบเอายาสมุนไพรของเขาให้กิน แม้มันจะมีราคาสูง หวังยี่เกา ผู้ซึ่งไม่ได้คิดเรื่องพวกนั้นกลืนมันลงไปทันที แผลก็เริ่มค่อยๆฟื้นตัวอบ่างช้าๆ!!

“พี่เฉ่าท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับข้านะ” หวังยี่เกามองหลินหมิงอย่างโกรธแค้น เขาไม่คิดว่าหลินหมิงจะกล้าทำขนาดนี้ “ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะฆ่าเจ้า แม้เจ้าจะอยู่ในเรือนจำ ข้าจะยัดสินบนเพื่อเข้าไปฆ่าเจ้าให้ได้
ไม่สิ…. เช่นนั้นมันจะง่ายดายเกินไป ข้าจะทรมานเจ้าให้ตายลงอย่างช้าๆ ฮ่าฮ่าฮ่า” หวังยี่เกากำลังวางแผนในใจ…

ปัญหาเล็กๆน้อยๆแบบนี้ พ่อของหวังยี่เกาไม่ได้กังวลอะไรมาก หวังยี่เกาแพ้พนันและพ่ายแพ้ต่อเด็กขั้นแรกทำให้เขาเสียศักดิ์ศรี หวังยี่เกาจึงโกรธแค้นอยากสุดแสน

ถึงหวังยี่เกาจะไปทำร้ายคนมามากมาย แต่ถ้าไม่ได้ทำให้ตระกูลเสื่อมเสียชื่อเสียงก็ยังพอจะอนุโลมได้

พอคิดได้เช่นนี้ หัวใจของเขากลับมาสดชื่นอีกครั้งหนึ่ง ถึงเขาจะโดนต่อย แต่แผลก็บรรเทาไปมากแล้ว เขาต้องหาทางแก้แค้น เหมือนที่ได้วางแผนไว้ ตราบใดที่ตระกูลของเขาทรงอำนาจ ย่อมจะแก้ ผิดเป็นถูกได้เสมอ

เฉ่าหมิงซานไม่ได้โง่เขลา เขาทำงานมาได้หลายปีแล้ว ที่เขาได้เป็นถึงหัวหน้าเพราะการตัดสินใจที่รวดเร็วของเขา เพียงแค่มองสถานที่เกิดเหตุก็รู้ว่าเหตุการณ์ที่แท้จริงเป็นเช่นไร “เด็กหนุ่มคนนี้กล้าทำร้ายคนจากตระกูลของท่านแม่ทัพ แม้เขาจะแค่มีเรื่องนิดหน่อยก็ตาม แต่ทว่าเขาก็ไม่สามารถสู้คดีได้แน่นอน จบแล้ว เจ้าหนุ่มน้อย”

ในฐานะหัวหน้า เขาย่อมรู้วิธีที่จะรักษาตำแหน่งนี้ไว้อย่างแน่นอน ด้วยสถานะของเขาถ้าตัดสินสุ่มสี่สุ่มห้า มีหวังได้ตกงานเป็นแน่ การตัดสินในครั้งนี้ แม้เขาจะรู้ความจริง แต่เขาก็ต้องเข้าข้างตระกูลชนชั้นสูง

เมื่อมองดูทางหลินหมิง การแต่งตัวเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป ถ้าเดาไม่ผิดเด็กนี่คงมาจากตระกูลเล็กๆที่ไม่มีความสำคัญ

เฉ่าหมิงชานได้ให้คนของเขาสำรวจบาดแผลทันที แล้วก็ได้รับคำยืนยันว่า ทุกแผลเป็นแผลจากหอกทั้งสิ้น

“หนุ่มน้อย เจ้ามีนามว่าอะไร?” หลินหมิงมองเฉ่าหมิงซานด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์

“หลินหมิง” เขารู้อยู่แล้วว่าผลของการตัดสินจะออกมาเป็นแบบไหน

เฉ่าหมิงซาน มองหลินหมิงแล้วรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากหลินหมิง ได้แต่พูดว่า “เหตุการณ์นี้ได้ข้อสรุปแล้ว เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่?” “ฮ่าๆ! ได้ข้อสรุปรึ! ท่านยังไม่สอบปากคำผู้อยู่ในเหตุการณ์เลยด้วยซ้ำ ท่านฟังความฝ่ายเดียวแล้วท่านยังจะบอกว่าคดีได้ข้อสรุปแล้วงั้นเหรอ?”

เฉ่าหมิงซาน หงุดหงิดเล็กน้อย เจ้าเด็กนี่ไม่เข้าใจหรือไงนะ ทั้งๆที่ความตายจะมาเยือนอยู่แล้วยังจะมีหน้ามาเล่นลิ้นอีกหรอ ทำไมเจ้าเด็กนี่กล้าทำร้ายหวังยี่เกา หรือมันจะไม่รู้ว่าพ่อของหวังยี่เกาเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งเมืองฟ้าลิขิต?

แม้ว่าท่านแม่ทัพจะลงโทษลูกตัวเองเพราะความโง่ของมันเอง แต่เขาคงไม่ยอมให้มีใครมาทำร้ายลูกของตัวเองเป็นแน่

เจ้าเด็กที่ชื่อหลินหมิงคนนี้ น่าจะไม่มีใครหนุนหลังเมื่อได้ดูการแต่งกายที่ธรรมดาของมันแล้ว เขาก็ยิ่งมั่นใจ

“ข้าจะสอบปากคำผู้คนโดยรอบในภายหลัง แต่ตอนนี้ ข้าคงต้องให้เจ้าตามไปที่สถานที่คุมขังเสียก่อน เจ้าจะถูกคุมตัวจนกว่าการตัดสินจะได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง ”

ถ้าคนพวกนี้ไม่ได้โง่น่าจะรู้ว่าควรให้ปากคำอย่างไรที่จะไม่ให้ตนเองต้องเดือดร้อน ถ้ามีคนปากโป้งล่ะก็อาจจะจบไม่สวยแน่

“เอาหล่ะ ไปกันได้แล้ว!!” พอเฉ่าหมิงซานพูดจบ ก็มีเจ้าหน้าที่2คน ถือเชือกเตรียมจะมามัดมือหลินหมิง

หวังยี่เกาได้แต่ยิ้มสะใจ ‘คิดจะต่อกรกับข้ารึ ฮ่าฮ่า เดี๋ยวเจ้าต้องตายแน่นอน’



หลินหมิงมองเจ้าหน้าที่2คนนั้นแล้วพูดว่า “คิดจะจับกุมข้างั้นรึ ถ้าพวกเจ้าคิดว่าทำได้ล่ะก็ลองดู ผลลัพธ์ที่ออกมาคงจะแย่ยิ่งกว่าพวกที่นอนกองอยูกับพื้นพวกนั้นเป็นแน่!!!”