วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559

บทที่ 13 : การจารึก

บทที่ 13 การจารึก ลุยเลย!


แปลโดย : Artza


แต่งโดย : น้องไข่ โป๊ะแตก


"เฮ้เจ้าหยุด! หยุดนะ ฟังข้าสิ! เจ้ารู้ไหมว่านางเป็นใคร ?! "พี่สาวอาวุโสตะโกนอย่างไร้ยางอาย แม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่เห็นได้ชัดจากฉินชิงหวน แต่เพราะเธอเป็นคนสนิทของชิงหวน เธอเข้าใจความคิดของชิงหวน มีหรือที่เธอจะปล่อยให้เรื่องไร้สาระเช่นนี้ไปทำร้ายหัวใจของน้องรักได้? ทำไมมนุษย์ต้องเป็นแบบนี้ ต้องมีความคิดที่โหดร้ายเสมอ? นี่คือสิ่งเรียกว่าความยุติธรรมอย่างนั้นหรือ!(แกนั้นแหละที่โหดร้ายไร้ความยุติธรรม นังป้า ทีตอนนี้มาทำตัวมีเมตตา เหอะ)


ผู้ชายคนนี้คือความเกลียดชังของมวลมนุษยชาติ แม้แต่กับชิงหวน หญิงสาวที่งดงามที่สุด แม้ว่าเหล่าศิษย์สาวจากตระกูลสูงส่งใดในหน่วยพิณก็ยังไม่อาจกล้าทำกริยาเช่นนี้ เด็กนี่ไม่รู้จักฐานะของตัวเองเอาเสียเลย!


การจะมีชายใดที่จะกล้าปฏิเสธฉินชิงหวน มันคงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เพียงในความฝัน!


หลินหมิงเองก็โศกเศร้า แน่นอนเขารู้ว่าฉินชิงหวนเป็นใคร แต่มันก็ไม่อาจทำให้เขาออกนอกแผนการของเขาได้ เขาจึงพยายามที่เบี่ยงเบนไม่ให้เกิดปัญหา "พี่สาวอาวุโสข้ามีสิ่งจำเป็นที่ข้าต้องทำจริงๆ ข้าไม่เคยโกหกใคร "


"เจ้าคงรู้จักชื่อเสียงเธอดี? ข้าไม่ได้พูดเล่นลิ้นกับเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะมีสิ่งใดสำคัญ ก็ไม่สำคัญไปกว่าการเคารพและมีมารยาทต่อบุคคลที่มาจากตระกูลที่สูงส่งเช่นฉินชิงหวน "พี่สาวอาวุโสยืนอยู่ตรงหน้าของหลินหมิง มือของเธอตั้งอยู่บนเอวและปิดกั้นไม่ให้เขาจากไป แม้ว่าภูมิตระกูลของเธอไม่ได้สูงส่งเหมือนฉินชิงหวน แต่เธอก็ยังมาจากตระกูลชั้นสูง


หลินหมิงไม่รู้จะพูดอย่างไรให้เธอเข้าใจ หญิงสาวคนนี้เอาแต่ใจและหยิ่งผยองเกินไป เขากล่าวว่า "ข้าจำเป็นต้องกลับไปฝึกฝน ข้าไม่ได้มีเวลาเหลือมากมายนัก "


ก่อนที่พี่สาวอาวุโสจะได้พูดอะไรต่อ ฉินชิงหวนได้พูดขัดจังหวะขึ้นมา "ให้เขาจากไปเถอะ บางทีอาจารย์ของเขาอาจเรียกหาเขาก็ได้"


สำหรับฉินชิงหวน เธอรู้ดี ด้วยความสำเร็จของหลินหมิงในวัยหนุ่มของเขาจะต้องมุ่งเน้นความสนใจในการฝึกซ้อมอย่างขยันขันแข็ง มันเป็นเพียงธรรมชาติที่อาจารย์ของเขาจะมีบทเรียนที่สุดโหดให้เขาทุกวัน


เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ของเธอ หลินหมิงก็รู้สึกโล่งอก แม้ว่าเขาจะพูดความจริง แต่สำหรับสองสาวงามเขาไม่สามารถไปขัดใจอะไรได้เพราะความแกร่งของพวกเธอและภูมิหลังตระกูลที่สูงส่ง พวกเธอสามารถเอาชนะเขาได้อย่างายดาย!


เมื่อหลินหมิงเตรียมจะจากไป ฉินชิงหวนยิ้มและกล่าวว่า "ข้าชื่อฉินชิงหวน ถ้าเจ้าฝึกฝนจบแล้วพอมีเวลาว่าง กรุณามาพบท่านจอมพลเพื่อขอพบข้า การมาเยือนของเจ้าจะได้รับการต้อนรับ "


หลินหมิงหยุดเล็กน้อยและบอกเธอให้รู้ชื่อของเขา "หลินหมิง"


จากนั้นหลินหมิงก็เดินจากไป ฉินชิงหวนก็ถอนหายใจ คำที่ใช้ในการสะกดชื่อของเขา? คือหลินหมายถึงป่า และหมิงหมายถึงสดใส? เพียงสองคำนี้ ยากเกินไปที่จะหาตัวเขาในเมืองลิขิตฟ้า


เธอจะหาเขาพบได้อย่างไร?


...


...


...


ในขณะที่เขากลับมาจากสำนักเจ็ดแก่นแท้ หลินหมิงตัดสินใจแล้วถึงสิ่งที่เขาต้องการ อาณาจักรลิขิตฟ้ามีการผลิตไหมนภา แต่มันก็ถูกใช้เป็นวัสดุสร้างเครื่องดนตรีระดับสูง เป็นเรื่องยากที่เขาจะค้นหาและซื้อมัน แต่เขาอาจขอร้องให้หลินเซี่ยวตงที่มาจากตระกูลชั้นสูงหาซื้อให้และมันจะเป็นเรื่องง่ายที่จะได้มันมา ตราบใดที่ยังมีเงินพอจ่าย


จาก 'พิณนภา' หลินหมิงสามารถบอกราคาโดยประมาณของไหมนภาได้ 20 เหรียญทองต่อฟุต แม้ว่ามันจะไม่ได้มีราคาแพงเกินไป แต่มันเป็นเส้นที่บางมาก หากวัดโดยน้ำหนักต้องใช้มากกว่า 10,000 เหรียญทองเพียงเพื่อซื้อมันแค่ปอนด์เดียว!


หลินหมิงเหลือเพียง 70 เหรียญทอง พอที่เขาจะซื้อได้สามฟุต ในเทศกาลการค้าเที่ยงธรรมเขาได้ใช้ 800 เหรียญทองซื้อวัสดุกองใหญ่ แต่เพียงสามฟุตของไหมนภาเขาต้องจ่ายถึง 60 เหรียญทอง ทั้งสามฟุตไหมนภานี้ ไม่ต้องสงสัยว่ามันเป็นราคาแพงที่แพงขนาดไหน


หลินหมิงจ้องปฏิทินของเขา หน้าที่ถูกฉีกเท่ากับจำนวนวันที่ผ่านมา เขาจะฉีกหนึ่งหน้าออกทุกๆวัน เดือนแรกเขาจะใช้เวลาฝึกเทคนิคการจารึกและอื่นๆ เดือนที่สองเขาจะซื้อยาที่เขาต้องการแล้วฝึกฝนเหมือนคนบ้า! เขาเชื่อว่ามีน้ำทิพย์และโอสถที่จะช่วยเขาทะลวงผ่านขั้นแรกของการฝึกฝนกายภาพไปจนถึงจุดสูงสุดของขั้นตอนที่สอง!


ถ้าเขาจะไปถึงจุดสูงสุดของขั้นที่สองได้ แม้ว่าเขาจะเอาชนะจู้ยันไม่ได้ อย่างน้อยเขาจะไม่สูญเสียจนเกิดความหายนะ


หลังจากที่ใช้ฝึกฝนร้อยครั้งจบ ในที่สุดหลินหมิงก็เริ่มขั้นตอนจารึกที่เกี่ยวข้องกับวัสดุอย่างจิงจัง นี่เป็นการเริ่มต้นที่ยาก เพราะหลินหมิงไม่ได้มีวัสดุที่ดีเพียบพร้อม ! เขาพยายามทำแต่ละขั้นตอนด้วยความระมัดระวังสูงสุด สำหรับกองวัสดุมูลค่า 800 เหรียญทองเขาจะต้องทำให้ได้จารึกที่ทำงานได้เพียงชิ้นเดียวก็เกินพอ!


การจารึกไม่เพียงต้องการความเข้าใจที่ดี แต่ยังต้องการอาจารย์ที่ดี การสนับสนุนทางการเงิน และแรงจิตวิญญาณที่มีประสิทธิภาพ


เพราะในกระบวนการจารึกต้องควบคุมรอยแกะสลักโดยใช้แรงดันจิตวิญญาณวาดโครงสร้างพลังงาน แรงดันจิตวิญญาณของหลินหมิงนั้นถูกวัดตั้งแต่เขายังเป็นเด็กและมันก็ยังเป็นแรงดันจิตวิญญาณระดับสาม


แรงดันจิตวิญญาณระดับสามและพรสวรรค์ต่อสู้ระดับสาม ซึ่งถือว่าดีสำหรับตระกูลชั้นกลางที่มีประวัติของศิลปะการต่อสู้ไม่นานเท่าไร แต่สำหรับตระกูลที่สูงส่งมันไม่ได้เข้าใกล้คำว่าดีเลย


นักสู้ไม่จำเป็นต้องฝึกแรงดันจิตวิญญาณ ในขั้นตอนการฝึกฝนกายภาพไม่ได้มีเหตุผลที่จะใช้แรงดันวิญญาณ แต่หลินหมิงกลับใช้รูปแบบของพลังงานนี้ เขาเริ่มที่จะระดมแรงจิตวิญญาณของเขาผสานเข้ากับความทรงจำที่พบในชิ้นส่วนจิตวิญญาณ เขาโคจรแรงจิตวิญญาณนี้ในร่างกายของเขาจนคุ้นเคยราวกับว่ามันเป็นความคิดของเขา


มนุษย์ทุกคนมีแรงจิตวิญญาณ แต่ความสามารถที่จะใช้มันยากยิ่งนักเป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่อาจที่จะประสบความสำเร็จ มันจำเป็นต้องเข้าใจกฎแห่งจิตวิญญาณและจำเป็นต้องฝึกใช้ในชีวิตประจำวันการอยู่เสมอ นักจารึกหลายคนได้จดจำรูปแบบสัญลักษณ์และโครงสร้างพื้นฐาน แต่ถ้าพวกเขาไม่เข้าใจกฎของแรงดันวิญญาณ ก็จะส่งผลให้พวกเขาไม่สามารถใช้แรงจิตวิญญาณได้ หากไม่สามารถใช้แรงจิตวิญญาณได้แล้ววัสดุที่นำมาใช้ก็จะไม่ได้มีคุณสมบัติที่กลายเป็นสินค้า และเป็นวัสดุที่เสียเปล่า!


ทันทีที่หลินหมิงเริ่มทำความเข้าใจกฎแห่งจิตวิญญาณจากความทรงจำของชิ้นส่วนจิตวิญญาณ มันเต็มไปด้วยความรู้สึกคุ้นเคย กฎแห่งจิตวิญญาณจากความทรงจำที่เก่าแก่นี้มีความน่ากลัวอย่างมาก ดูเหมือนจะเป็นความทรงจำก่อนที่เจ้าของมันจะเสียชีวิต เป็นความทรงจำที่ได้รับการฝึกการจารึกตลอดชีวิตของมัน ส่วนของการบังคับแรงจิตวิญญาณถูกเก็บรักษาไว้และเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลเชิงลบใดๆจากความทรงจำ


เขาวางมือลงเบาๆและใช้แรงจิตวิญญาณที่มองไม่เห็น มันเริ่มที่จะดึงหญ้านภาและกลั่นน้ำออกมาด้วยการใช้ความคิดของเขา หลินหมิงเริ่มปฏิบัติเปลี่ยนน้ำเป็นรูปทรงต่างๆภายใต้การควบคุมของเขา บางครั้งเขาก็ทำให้มันเป็นอักขระ บางครั้งเขาก็ทำให้มันกลายเป็นผลึกฟองใสใส


สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หลินหมิงประหลาดใจ เขารู้ว่าในตำราระบุว่าแม้ผู้ที่สามารถเข้าใจกฎแห่งจิตวิญญาณได้แต่กำเนิดยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนในการหัดควบคุม ในขณะที่ผู้ที่มีความสามารถน้อยลงมาจะสามารถทำได้เมื่อฝึกไปครึ่งปีหรือมากกว่านั้น


นักจารึกแต่ละคนมีกฎแห่งจิตวิญญาณของพวกเขาเอง กฎแห่งจิตวิญญาณมีการจัดอันดับที่แตกต่างกันเช่นของบางคนอ่อนแอ บางคนรุนแรงกว่า นักจารึกจึงยกย่องกฎแห่งจิตวิญญาณของตัวเองด้วยความรักและการนับถือ! มันเป็นสิ่งที่พวกเขาอาจไม่ได้ส่งผ่านไปถึงสาวกของพวกเขา เพราะกฎแห่งจิตวิญญาณมีผลต่อความสามารถในการแรงจิตวิญญาณ มันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดกับผู้จารึก!


โดยไม่มีเงาแห่งความสงสัย มี'ครอบงำวิญญาณ' อยู่ภายในความทรงจำนั้น นี่คือกฎแห่งจิตวิญญาณ! แม้ทวีปนภารินไหลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในด้านการจารึกยังไม่อาจได้เป็นเจ้าของ แต่เด็กบ้านนอกอย่างเขากลับมีมัน


หลินหมิงมีความคุ้นเคยกับกฎแห่งจิตวิญญาณที่มาจากความทรงจำ ด้วยแรงดันจิตวิญญาณระดับสามของเขาและกฎแห่งจิตวิญญาณนี้ อาจทำให้เขาเทียบได้กับผู้มีแรงดันจิตวิญญาณระดับสี่หรืออาจไปถึงระดับห้า! สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีค่าที่ถูกทิ้งไว้ในความทรงจำ!


นิ้วมือทั้งห้าของเขามีตราประทับปรากฏขึ้น ดึงคลื่นวิญญาณออกมาจากหยดน้ำของหญ้านภา นิ้วของหลินหมิงดึงเส้นในอากาศที่ส่องแสงเป็นประกาย แรงจิตวิญญาณที่ใช้จะต้องสัมพันธ์กับหยดน้ำจากหญ้านภา และต้องทำมันอย่างรวดเร็วมันรวมตัวกันเป็นอาคมที่น่าพอใจและลึกลับ


อาคมมีขนาดเล็กกว่าเล็บมือ แต่มันมีพลังงานที่ซับซ้อน แม้จะเป็นอาคมเดียวกันแต่ความแตกต่างที่ลึกซึ้งในรูปแบบของความแข็งแรงของแรงจิตวิญญาณและปัจจัยอื่นๆ หมื่นนักจารึกจะมีหมื่นลักษณะที่แตกต่างกัน หลินหมิงไม่สามารถบอกได้ว่าสัญลักษณ์ที่เขาสร้างขึ้นเป็นขยะหรือสมบัติ แต่เขาก็ยังคงอยู่กับความพึงพอใจในผลของเขา


เขาเริ่มที่จะสร้างอาคมของเขาต่อไป เขาใช้เพียงครึ่งหนึ่งของหยดน้ำหญ้านภาเพื่อให้เขายังคงมีครึ่งหยดเหลือ นิ้วมือของเขาเกิดรูปแบบตราประทับอีกครั้งและเริ่มที่จะดึงแรงจิตวิญญาณจากหยดน้ำเข้าไปรวมกับตราประทับอีก อย่างไรก็ตามตราประทับเกิดแสงขึ้นมา หลินหมิงอ้ำอึ้งเล็กน้อย มันเกิดจากการย่อยสลายในการรวม หลินหมิงเพียงจ้องมองมันในขณะที่ของเหลวนั้นกลายเป็นขี้เถ้า


มันเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการ แต่สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มการจารึกวิธีบังคับจิตวิญญาณจะไม่มีเสถียรภาพ และจะประสบความล้มเหลวเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นธรรมดาและหากประสบความสำเร็จจะเป็นเรื่องอัศจรรย์ยิ่ง


ในพริบตาหลายเหรียญทองหายวับไปในอากาศ ในหนึ่งวันมันไม่ยากเลยที่จะเสียเป็นร้อยๆเหรียญทองไปในการฝึกจารึก มันเป็นการเผาเงินอย่างแท้จริง! รสชาติแห่งความล้มเหลวยังคงสดใหม่สำหรับเขา หลินหมิงจึงระมัดระวังมากขึ้น เขาขยับนิ้วมือของเขาอีกครั้งรูปแบบตราประทับเกิดขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า แน่นอนว่าเขาล้มเหลวบ่อยกว่าเขาประสบความสำเร็จ แต่เมื่อเวลาผ่านไปจำนวนของความล้มเหลวเริ่มลดลง


ในขณะที่หลิงหมิงสร้างอาคมมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มที่จะค้นพบว่าแรงดันจิตวิญญาณของเขาเองอ่อนแรงลง ถึงแม้จะมีวรยุทธและกฎแห่งจิตวิญญาณระดับสูง 'จุดสูงสุดแห่งความโกลาหล' และ 'ครอบงำวิญญาณ' สนับสนุนเขา เขาก็สามารถทำต่อไปได้อีกไม่นาน


การใช้แรงจิตวิญญาณที่เหลือเพียงน้อยนิด หลินหมิงไม่สามารถสร้างอาคมได้เร็วเหมือนก่อนหน้านี้ นอกจากนี้โอกาสผิดพลาดยังมีมากขึ้นด้วย เนื่องความสามารถในการบังคับแรงดันจิตวิญญาณที่ลดลง!


ตอนนี้แรงดันจิตวิญญาณของต่ำมาก กระบวนการฝึกจารึกของหลินหมิงก็ไปได้เพียงเล็กน้อย เขาก็เริ่มที่จะมีความยากลำบากในการบังคับแรงด้นจิตวิญญาณ และเขารู้สึกเหนื่อยมากและเกิดอาการคลื่นไส้เวียนศีรษะเดิน อาคมด้านหน้าของเขาเริ่มที่จะสั่นสะเทือน ขอบของพวกมันเริ่มจะแตกออก!


หัวใจหลินหมิงเต้นแรงและเขาพยายามรักษาความเสถียรของแรงจิตวิญญาณอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อ แต่เขากลับทำให้มันยิ่งยุ่งเหยิง! หลายสิบเหรียญทองกำลังจะสูญเปล่า!?


ในที่สุดหลินหมิงก็เห็นแสงแพรวพราว(แสงที่เกิดออกมาตอนวัสดุกลายเป็นขี้เถ้า) ตัวเขาปกคลุมไปด้วยเหงื่อ เขาทุบมือขวาลงพื้น 

 

ตึง! 

 

น้องไข่ โป๊ะแตก : อืมทุบพื้นแล้วจบ จบได้อนาถดีแท้