วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2559

บทที่ 14 - การเสริมความแข็งแก่รง


หลินหมิงใช้สมาธิครึ่งหนึ่งเพื่อรักษาสภาพอาคมสัญลักษณ์ของเขาและอีกครึ่งหนึ่งกับ 'จุดสูงสุดแห่งความโกลาหล' เพื่อเพิ่มการฝึกฝนทางกายภาพไปพร้อมๆกัน กับทั้งสองสิ่งที่ตรงข้ามกัน เขาจึงล้มเหลวในจารึกการของเขา!


หลังจากเกิดความล้มเหลวห้าครั้งติดต่อกันและห้ากองวัสดุกลายเป็นขี้เถ้า หลินหมิงตระหนักว่าเขาไม่สามารถที่จะทำสำเร็จก่อนที่เขาจะเข้าใจสาระสำคัญที่แท้จริง หลังจากใช้เวลากับความพยายามที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้ในที่สุดเขาก็ล้มเลิกการส่งแรงดันจิตวิญญาณ ตราประทับที่เหลืออยู่ในอากาศสั่นไหว และหายลับไป


แม้ ว่าเขาจะไม่ได้คาดหวังที่จะประสบความสำเร็จในครั้งแรก แต่การสูญเสียเงินทองมากมายเป็นเรื่องยากที่เขาจะยอมรับ แต่อย่างน้อยมันก็ยังไม่ได้มาถึงขั้นตอนที่จะใช้วัสดุที่หายากและมีราคาแพง ที่สุดไหมนภา!


วัสดุที่เหลือมากพอจะพยายามทำได้อีกสิบครั้ง ถ้าเขาไม่สามารถทำได้ก่อนหน้านั้นแล้วเขาจะต้องเป็นคนยากจนไร้ซึ่งเงินทอง


สำหรับนักจารึกทั่วไปอาจต้องพยายามกระทั่งเลือดระเหยเป็นไอ หากต้องการที่จะประสบความสำเร็จในสิบครั้งถัดไป?! นี่เป็นครั้งแรกของเขาในการจารึก เขาพยายามด้วยตัวคนเดียว แน่นอนว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะประสบความสำเร็จ!


หลินหมิงรวบรวมขี้เถ้าวัสดุและเริ่มพิจารณาความผิดพลาดของเขาในช่วงเวลาที่ผ่านมา ความทรงจำที่เขาได้รับมานั้นไม่ได้ผิดแต่อย่างใด แต่มันเพราะช่องว่างของการบังคับจิตวิญญาณของเขามันยังไม่ดีพอ เขาอาจทำมันได้โดยง่าย


เทคนิคการจารึกในความทรงจำของนักสู้แห่งอาณาจักรพระเจ้า มันเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายๆสำหรับนักสู้คนนั้น แต่ในทวีปนภารินไหล มันยังเป็นเทคนิคที่ซับซ้อนอย่างเหลือเชื่อ มันสามารถทำให้นักจารึกทั่วทั้งทวีปดินแดนแห่งนี้ตะลึงไปตามๆกัน!


หลัง จากสรุปสาเหตุของความล้มเหลว หลินหมิงเริ่มที่จะจับประเด็นของมันได้ เขาไม่สามารถเพิ่มแรงดันจิตวิญญาณของตัวเองในเวลาอันสั้น แต่สิ่งที่เขาทำได้ก็คือลดความผิดพลาดให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพราะความผิดพลาดในแต่ละครั้งทำให้เสียแรงดันจิตวิญญาณไปเปล่าๆ ถ้าเขาทำผิดพลาดน้อยกว่าเดิม นั้นเขาจะไม่เพียงจะเหลือวัสดุและเงินทองมากขึ้น เขายังมีแรงดันจิตวิญญาณเหลือมากขึ้นด้วย


การคิดเช่นนี้ทำให้หลินหมิงยอมแพ้ที่จะฝึกฝนกายภาพไปพร้อมกับการจารึก และเน้นฝึกฝนการใช้แรงดันจิตวิญญาณของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนผีดิบบ้าคลั่ง


ในความคิดของเขา การใช้แรงดันจิตวิญญาณอย่างอิสระมันไม่ได้ยากเกินไป หากเขาคุ้นเคยกับแรงดันจิตวิญญาณแล้ว การฝึก 'จุดสูงสุดแห่งความโกลาหล' ไปด้วยก็ไม่น่ามีผลเสียอะไร มันสามารถที่จะปฏิบัติได้ในเวลาเดียวกัน มันจะเป็นสิ่งที่สมบูรณ์แบบ! มันเป็นเหมือนกับว่าสองสิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกันและกัน


...


...


..


ณ เมืองลิขิตฟ้า คฤหาสน์จอมพล


ในเมืองลิขิตฟ้า สองสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งเป็นความสำเร็จทางสถาปัตยกรรม วังจักรพรรดิและคฤหาสน์จอมพล ซึ่งตั้งอยู่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองลิขิตฟ้า คฤหาสน์จอมพล มีขนาดยาวสามไมล์จากปลายด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง มีน้ำตกหินประดับดอกไม้ที่สวยงามและสวนทางเดินคดเคี้ยวพร้อมกับศาลาริมน้ำนับไม่ถ้วน เป็นดังสวรรค์แท้จริงนั่นเอง


ในคฤหาสน์จอมพล ห้องสมุดแห่งหนึ่ง ชายสูงอายุคนหนึ่งสวมชุดยาวและถือกรงนกสีทอง เขายืนมองหญิงสาวที่เงียบสงบในชุดสีขาว เธอคือฉินชิงหวน


"โอ้ว? มีคนอย่างที่เจ้าพูดมาด้วยรึ ? มันมีความสามารถมากกว่าเจ้าในวัยเท่ากันรึ ? "


"แน่นอน" ฉินชิงหวน พยักหน้าอย่างสุภาพ ชายชราคนนั้นคืออาจารย์ของเธอ และเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงทางด้านหลักจารึก หมู่ยี่


ฉินชิงหวนจำเขาได้เป็นอย่างดี เธอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและทุกคำพูดของหลินหมิงได้อย่างสมบูรณ์ หลังจากที่ชายชราได้ฟังการแสดงออกของเขาก็ได้แต่ตะลึงมากขึ้น มากขึ้น ในตอนแรกเขาคิดว่าศิษย์สาวของเขาตกอยู่ในความลุ่มหลงและความเจียมเนื้อเจียมตัวกับเด็กผู้ชายบางคนที่เธอชอบ แต่มันดูเหมือนว่าจริงๆแล้วเธอด้อยกว่าเด็กคนนั้น นอกจากนี้ความรู้เด็กคนนั้นที่มันมีมากเกินไป มันไม่น่าใช่คนในอาณาจักรลิขิตฟ้า แต่มาจากอาณาจักรที่รุ่งเรืองยิ่งกว่า


หลังจากที่เธอพูดจบเธอก็เล่าให้ฟังว่าหลินหมิงวาดอักขระและสัญลักษณ์ได้อย่างง่ายดายและลื่นไหล มันไม่ได้เป็นสิ่งที่เธอคิดว่าจะมีใครทำมันได้


"ความสามารถในการวาดอักขระด้วยแรงดันจิตวิญญาณ แต่ยังไม่พอ ยังสามารถเข้าใจความซับซ้อนของการวางพลังงานในแต่ละจุด ... เป็นไปได้อย่างไรกัน?" หมู่ยี่ กล่าวว่าด้วยความประหลาดใจ



"อืมมม ... " หมู่ยี่ สูดลมหายใจ อย่างกับความฝันสิ่งนี้เรียกว่าการวาดภาพโดยสัญชาตญาณ อาจเป็นหนึ่งในล้าน ไม่สิอาจหลายพันล้าน ไม่ใช่ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเริ่มฝึกตั้งแต่ในครรภ์ของแม่ของเขาหรอกรึ?


"เจ้าแน่ใจนะ ว่าเขาเป็นอายุราวๆ 15 หรือ 16 ปีเท่านั้น?"


"ใช่อย่างแน่นอน" ฉินชิงหวน ตอบด้วยความมั่นใจ


"มหัศจรรย์ยิ่งนัก!" หมู่ยี่ถอนหายใจ "ด้วยอายุเพียงแค่นั้น เขาประสบความสำเร็จถึงเพียงนี้ มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน นี้เป็นครั้งแรกในชีวิตข้าที่ได้เห็นสิ่งอัศจรรย์เช่นการท้าทายลิขิตสวรรค์ของเหล่าหนุ่มสาว! ข้าคิดว่าข้าได้ยินเรื่องของอัจฉริยะเช่นนี้แต่ในตำนาน ข้าอยากเห็นอนาคตของเจ้าเด็กนั้นเสียจริง" หมู่ยี่ คิด ในไร้สาระในใจ เขาคิดว่าทั้งราชอาณาจักรลิขิตฟ้าและอาณาจักรใกล้เคียงไม่น่าจะมีนักจารึก ผู้เยาว์คนใดที่มีสามารถเทียบกับผู้เชี่ยวชาญได้ ก่อนจะได้รู้จักเด็กคนนั้น


แม้ว่าหมู่ยี่คิดในแง่ของความรู้การจารึก เขาพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าในอาณาจักรลิขิตฟ้า รวมถึงในอาณาจักรใกล้เคียง ตัวเขานั้นเทียบได้กับระดับหัวหน้า แต่เมื่อเทียบกับชายลึกลับคนนั้น(น่าจะหมายถึงอาจารย์ของหลินหมิง)เขาไม่อาจมีโอกาสชนะใดๆ !


หมู่ยี่ กล่าวว่า "ข้าไม่คิดว่าเด็กนั้นจะมีความสามารถในการเรียนรู้ที่มหัศจรรย์ แต่ข้าเดาว่าอาจารย์ของเขาต้องมาจากตระกูลโบราณ"


"ตระกูลโบราณ?" ฉินชิงหวนตกใจ ทวีปนภาลินไหลเป็นทวีปใหญ่มีขนบธรรมเนียมประเพณีของชนเผ่าโบราณมานานกว่าหลายพันล้านปี ชนเผ่าเหล่านี้มีมรดกลึกลับและทรัพย์สมบัติมากมาย!


ยกตัวอย่างเช่น ตระกูลที่จัดตั้งสำนักเจ็ดแก่นแท้แห่งราชอาณาจักรลิขิตฟ้า พวกเขาน่าจะมีผู้เชี่ยวชาญลับของตระกูลและมรดกมากมาย


สิบสองปีก่อน เจ็ดผู้อาวุโสแห่งหุบเขาแก่นแท้ ได้มาเยือนอาณาจักรลิขิตฟ้า แม้กระทั่งเหล่าราชวงศ์ยังต้องเคารพ แม้แต่อาจารย์ของฉินชิงหวน หมู่ยี่ ที่เป็นถึงนักจารึกชั้นนำในอาณาจักร เขาก็ไม่ได้จัดว่าพิเศษอะไร



หมู่ยี่ กล่าวว่า “ ชิงหวน หาก เธอได้พบกับเขาในหน้า ช่วยถามให้แน่ใจถึงสถานที่พักของเขา เพื่อที่ข้าจะสามารถไปแนะนำตัวเอง ชายหนุ่มผู้นี้น่าผูกมิตร เขามีอาจารย์ที่มาจากตระกูลโบราณ เขามีความสามารถที่ท้าทายสวรรค์ได้ในอายุเพียงแค่นั้น นอกจากนี้ให้สุภาพกับเขาและปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ อาจารย์ของเขาเป็นคนที่มีทักษะที่คาดไม่ถึงซึ่งทั่วทั้งอาณาจักรลิขิตฟ้ามิ อาจดูหมิ่นได้ "


"รับทราบ ท่านอาจารย์"


...


...


...


ผ่านมาอีกหนึ่งวัน หลินหมิงฉีกหน้าปฏิทินอีกครั้ง หลินหมิงฝึกฝนการจารึกทุกวัน การเรียงลำดับของสัญลักษณ์ อักขระและอาคมทุกอย่างได้รับการฝึกฝนด้วยความรู้ในอาณาจักรพระเจ้า ความเข้าใจแต่ละอย่างตราตรึงในหัวของเขาอย่างลึกซึ้ง


เขาใช้แรงดันจิตวิญญาณทั้งกลางวันและกลางคืน ทำให้เขาเหนื่อยมาก ดวงตาของเขาเป็นสีแดงด้วยความอ่อนเพลีย เขาทำมันอย่างต่อเนื้องเหมือนกับตะเกียงที่ไม่ต้องน้ำมันใดๆ แต่เขาได้รับรู้บางอย่าง หลินหมิงพบว่านอกเหนือจากความคืบหน้าในการจารึก ของเขารับรู้ถึงมันได้รวดเร็วขึ้น


แม้ ในตอนนี้เขาก็ยังฝึกแร่เนื้อเหมือนกับตอนที่อยู่ศาลาจันทร์กระจ่าง แม้ว่าจะเป็นสัตว์ดุร้ายระดับสอง หลินหมิงทำมันได้อย่างง่ายดาย เขาสามารถรับรู้โครงสร้างทั้งหมดของสัตว์ ปล่อยให้มีดของเขาได้ผ่านไปตามเนื้ออย่างเรียบง่าย เขาใช้เวลาเพียงธูปไหมหมดก้านก็เพียงพอที่จะเสร็จสมบูรณ์!


เป็นความเร็วที่น่าอัศจรรย์ คนที่ศาลาจันทร์กระจ่างต่างไม่เชื่อ แต่หลังจากที่ได้เห็นมันก็ยากที่จะปฏิเสธ ขณะนี้เขาอยู่ในเขาอยู่ในศาลาจันทร์กระจ่าง สถานะของเขาสูงขึ้นมาก เขาสามารถเลือกชั่วโมงการทำงานของเขาได้เอง! ค่าจ้างของเขาได้ไม่น้อยกว่าบรรดาเชฟ!


กับสิทธิประโยชน์นี้ พนักงานคนใดต่างต้องการจะได้รับ ถึงแม้ว่าหลินหมิงมีสิทธิพิเศษเขาก็ยังแร่เนื้อสองชั่วโมงต่อวันเช่นเดิม มันเป็นรูปแบบของการปฏิบัติของเขา การแร่เป็นวิธีที่ดีที่จะส่งเสริมแรงดันจิตวิญญาณ




อย่าง ไรก็ตาม เขาพบว่าตัวเองไม่สามารถที่จะทำงานได้ถึงสองชั่วโมง มีสัตว์ดุร้ายไม่เพียงพอจะให้เขาให้เวลาจนครบ จริงๆแล้วสินค้าทั้งหมดในสต็อกถูกหั่นบางๆ เตรียมไว้แล้วโดยหลินหมิง เมื่อพี่สาวหลาน ผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบห้องครัวทุกวันเข้าไปในคลังน้ำแข็งเธอเห็นว่าทั้ง หมดของสัตว์ป่ากลายเป็นกองเนื้อไร้กระดูกเรียบร้อยแล้ว แต่ละชิ้นยังถูกจัดการอย่างสมบูรณ์แบบ พี่สาวหลานพูดตามความเป็นจริง


เด็กหนุ่มคนนั้นอย่างกับเครื่องจักร!


ในที่สุดก็มาถึงสิบวันสุดท้ายของเดือนแรก หลินหมิงได้เตรียมทั้งจิตใจและวัสดุของเขาให้พร้อม มันเป็นช่วงเวลาที่จะเริ่มต้นจารึกอีกครั้ง!


@ : และแล้วก็ได้อ่านกันเสียทีนะครับท่านผู้อ่านสำหรับตอนที่14


ผู้อ่าน:ค้างหนักกว่าเดิมอีก @


@ : 5555