วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559

บทที่ 4 : มรดกวรยุทธ์ Rewrite

จากผู้แปล : ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าที่บอกว่า การฝึกฝนทางชีพจรเมื่อสำเร็จจะมีอายุขัยเพิ่มขึ่น จริงๆแล้วก็คือการฝึกฝนทางกายภาพขั้นที่หกซึ่งป็นขั้นควบแน่นชีพจรนั่นเอง อย่าลืมอุดหนุนผู้แปลซักนิดกดโฆษณากันซักหน่อยนะครับ ถ้ายอดโฆษณาไปได้สวยได้อ่านกันสัปดาห์ละ10+แน่นอน เพียงคลิกที่โฆษณาเด้งปุบซัก2-3วิก็ปิดได้เลยครับ ยิ่งใครกดซ้ำได้ยิ่งดีคร๊าบบบ

***ต่อจากนี้จะใช้คำว่า ขั้นผสานชีพชร แทน ขั้นควบแน่นชีพจร เพื่อความสละสลวยและความลื่นไหลในการอ่านนะครับ***

บทที่ 004 มรดกวรยุทธ

สำนักลิขิตฟ้ามีประวัติศาสตร์ความเป็นมาเพียงสิบแปดปี ตรงข้ามกับสำนักเจ็ดแก่นแท้ที่ก่อตั้งโดยเจ็ดผู้เชี่ยวชาญจากสามตระกูลที่ยิ่งใหญ่มีประวัติศาสตร์ความเป็นกว่าหกร้อยปีซึ่งมีมรดกทักษะมากมาย!

ผู้ที่ฝึกมรดกวรยุทธ์จากสำนักลิขิตฟ้ามีความหวังเล็กๆน้อยๆ ที่บรรลุขั้นควบแน่นชีพจร แต่สำหรับสำนักเจ็ดแก่นแท้แล้ว ราวกับฟ้ากับเหว เพียงมีทักษะขั้นต้นระดับสี่ ก็สำเร็จขั้นผสานชีพจรได้อย่างง่ายดาย ด้วยแนวทางการฝึกที่ดีของสำนักเจ็ดแก่นแท้ ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะทำได้เกือบทุกคน!

สำหรับหลินหมิงเขาแม้ไม่มีแนวการฝึกที่ดี แนวทางทั้งหมดของเขามีเป็นแนวทางการฝึกแบบ 'มือใหม่' ' ทุกวันเขาจะฝึกฝนโดยการเจาะลำต้นของต้นไม้และแร่เนื้อสัตว์นี่เป็นแนวทางการฝึกของหลินหมิง!

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวทางการฝึกขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง จากการฝึกหนักบ้าง จากงานต่างๆบ้าง ทีละขั้นๆจนกระทั่งเขาสำเร็จการฝึกฝนกายภายขั้นแรก!

สำหรับเขามรดก วรยุทธเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง!

หลินหมิงตื่นเต้นอย่างมากและเขาตะกละตะกลามที่จะศึกษาความรู้เกี่ยวกับมรดกวรยุทธ์นี้ หลังจากนั้นไม่นาน วรยุทธ์จุดสูงสุดแห่งความโกลาหลก็ทำให้เขาประหลาดใจอีกครั้ง!

'จุดสูงสุดแห่งความโกลาหล' เป็นวรยุทธระดับสุดยอดของการฝึกฝนทางกายภาพจากอาณาจักรพระเจ้า อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะเป็นระดับสุดยอดก็เป็นเพียงฝึกฝนทางกายภาพ ทำให้ไม่ใช่สิ่งมีค่ามากนักในอาณาจักรพระเจ้า เหตุผลหลินหมิงประหลาดใจเป็นเพราะในที่สุดเขาก็ได้เข้าใกล้อาณาจักรพระเจ้า

อาณาจักรพระเจ้าเป็นดินแดนที่มีมรดกอารยธรรมหลายร้อยล้านปี ทั้งการฝึกฝนทางกายภาพ, ศิลปะการต่อสู้, ทักษะจารึกอักขระต่าง ทั้งหมดได้ผ่านการพัฒนาและปรับปรุงให้ดีขึ้นตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา มันเป็นโลกที่สงวนไว้สำหรับผู้แข็งแกร่งในวิถีแห่งการต่อสู้! ความสามารถและความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นไม่อาจเป็นสิ่งที่หลินหมิงจะจินตนาการได้ในปัจจุบัน!

ดังนั้นวรยุทธ์จุดสูงสุดแห่งความโกลาหลจะเป็นสิ่งล้ำค่าเพียงแค่ช่วงต้นของการฝึกฝนเท่านั้น! นอกจากนี้ยังมีเศษเสี้ยววิญญาณที่เก็บไว้ในลูกบาศก์ศักดิ์สิทธ์อีกมากมาย เมื่อความแข็งแรงถึงระดับที่เพียงพอเขาก็จะสามารถที่จะไปดึงความทรงจำจากเศษเสี้ยววิญญาณเหล่านั้นมาเพิ่มได้อีก!([พระเอกแม่งโกงกว่าหลินตงอีกWTF!!!หลินตงเจอหลินหมิงหน่อยมั้ยสาสส]<<<ข้อความข้างต้นนี้มีคำหยาบคายหากต้องการอ่านกรุณาcopyไปzoomเอาเอง)

พิจารณาทั้งหมดนี้หัวใจหลินหมิงรู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อ!!

ปัจจุบันสิ่งที่หลินหมิงกลัวที่สุดคือความทรงจำของวรยุทธ์นี้อาจไม่สมบูรณ์(ประมานว่าคนพอตายก็จะเกิดเป็นวิญญาณที่มีความทรงจำ+จิตสำนึก แต่เมื่อตายด้วยลูกบาศก์ศักดิ์สิทธ์แล้วมันทำลายไม่เหลือแม้แต่จิตสำนึกโหดชิบ ความทรงจำของคนๆนั้นเองก็แตกเป็นหลายๆเศษเสี้ยว ซึ่งความทรงจำในลูกบาศก์ศักดิ์ก็เป็นของพวกหมื่นนักรบที่โคตรเก่งที่โผล่มาในดินแดนหิมะในปฐมบทอะแหละ เลยกลายเป็นว่าพระเอกมีความทรงจำของนักรบในอาณาจักรศักดิ์ทั้งหมื่นตน แต่ตอนนี้มันเข้าไปเอามาแค่เสี้ยวเล็กๆของนักรบคนหนึ่ง)เพราะว่าความทรงจำที่เข้าได้มาเป็นเพียงส่วนเล็กๆของคนๆหนึ่ง มันจะเป็นที่น่าเสียดายหากมันเป็นเช่นนั้น โชคดีที่ใน'จุดสูงสุดแห่งความโกลาหล' เขาเห็นว่ามันครบเหมือนเดิม มีการฝึกทางกายภาพทั้งความแข็งแรง สร้างกล้ามเนื้อ อวัยวะภายใน ดัดแปลงกล้ามเนื้อ ดัดกระดูก และผสานชีพจร ครบทั้ง6ขั้น

เป็นความจริงที่น่าแปลกใจสำหรับหลินหมิง ในทวีปนภาลินไหล(น่าจะเป็นทวีปที่มีอาณาจักรลิขิตฟ้าอยู่) โดยทั่วไปวรยุทธการฝึกฝนทางกายภาพจะมีหนึ่งขั้นตอนเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น

วรยุทธ'ดัดแปลงกล้ามเนื้อถ่องแท้' ใช้สำหรับบรรลุขั้นดัดแปลงกล้ามเนื้อ

วรยุทธ'สูตรกระดูกทอง' ใช้สำหรับบรรลุขั้นดัดกระดูก

วรยุทธ 'พระเจ้าเก้าชีพจร' ใช้สำหรับบรรลุขั้นผสานชีพจรและอื่น ๆ . แต่นี้ 'จุดสูงสุดแห่งความโกลาหล' มีความสามารถฝึกได้ตั้งแต่ขั้นที่หนึ่ง ความแข็งแกร่ง ไปจนถึงขั้นที่หก ผสานชีพจร แต่สิ่งที่หลินหมิงเห็น ก็ยิ่งทำให้เขาตกใจมากยิ่งขึ้นไปอีก!!!

ภายทวีปนภาลินไหล ขั้นผสานชีพจรคือจุดสิ้นสุดของขั้นตอนการฝึกฝนทางกายภาพ จากนั้นจะก้าวเข้าสู่ระดับปราณฟ้า ระดับปราณฟ้าแบ่งเป็นขั้นต้นฟ้าและขั้นปลายฟ้า สำหรับคนส่วนใหญ่ที่มีชีพจรการควบแน่นจะเป็นเหมือนคอขวดหากพวกเขาไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้ คนเหล่านี้จะตกลงไปติดอยู่ในขั้นดัดกระดูกตลอดไป

ขั้นผสานชีพจรเป็นข้อจำกัดของระดับกายภาพ นั่นคือความรู้ที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วกัน อย่างไรก็ตามตามที่ 'จุดสูงสุดแห่งความโกลาหล' มีต่ออีกขั้นตอนหนึ่งนอกเหนือจากการควบแน่นชีพจร - ผ่อนไขกระดูก!

ขั้นผ่อนกระดูกมีอยู่จริงๆ ! แปดประตูแห่งสวรรค์ที่ซ่อนอยู่สอดคล้องกับกายาศักดิ์สิทธ์ทั้งเก้า!หากสามารถเปิดแต่ละประตูทั้งแปด มันก็ทะลวงฝ่าขีดจำกัดของร่างกายและการเข้าถึงระดับที่สูงขึ้นของความแข็งแกร่ง!

แม้จะไร้ซึ่งขั้นผ่อนไขกระดูกและประตูทั้งแปด มันก็ยังทำให้เข้าก้าวสู่ระดับปราณฟ้าได้ และหากมีสองสิ่งข้างต้นนี้ด้วยแล้วคงจะทำให้เหนือกว่าผู้อื่นที่อยู่ในระดับเดียวกันหรือกระทั้งในระดับสูงกว่า ช่างเป็นประโยชน์ที่ชัดเจนอย่างแท้จริง!

เมื่อตระหนักได้เช่นนี้ หลินหมิง เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า 'จุดสูงสุดแห่งความโกลาหล' เป็นสมบัติอมตะ!

หลินหมิงรู้สึกตื่นเต้นเร่าร้อนที่จะเริ่มต้นการฝึกซ้อม แต่ก่อนที่เขาจะได้เริ่ม กระเป๋าของเขาลูกบาศก์ศักดิ์สิทธ์ลูกนั้นทำให้เขาต้องประหลาดใจ มันได้หายไปเสียแล้ว!(อ้าว! ไม่มีลูกบาศก์ก็หมดประโยชน์ละมึงจะเอาอะไรไปสู้หลินตงหละ ฮ่าๆ นั่งแปลมาทั้งเรื่องขนาดนี้ลูกบาศก์หายไปลูกเดียวนี้ไปไม่เป็นเลย 5555)

หลินหมิงตกใจกลัวและหยาดเหงื่อเริ่มไหลออกมา มือของเขาควานหาไปมาโดยรอบ และรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างที่แปลกบนหน้าอกของเขา เขาถอดเสื้อผ้าของเขาและพบสัญลักษณ์แปลกๆ บนผิวของหน้าอกซ้ายของเขา สัญลักษณ์เป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ลึกลับของพื้นผิวของลูกบาศก์ศักดิ์สิทธิ์

ก้อนเมจิกฝังเข้าไปในร่างกายของเขา? หลินหมิงจำได้ว่าผู้หญิงผู้บริสุทธิ์ได้เรียกลูกบาศก์ศักดิ์สิทธ์ออกมาจากฝ่ามือของเธอ มันก็ไม่น่าแปลกใจหากเธอจะทำอย่างนั้นได้ แต่หลินหมิงไร้ซึ่งเงื่อนงำของวิธีที่จะเรียกมัน

หลินหมิงพยายามที่จะเรียกลูกบาศก์ศักดิ์สิทธ์ แต่ก็ไม่มีประโยชน์ หลินหมิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หลังจากที่แต่ละคนมีชิ้นส่วนจิตวิญญาณจำนวนมากดังนั้นภายในลูกบาศก์ศักดิ์สิทธ์จะต้องมีความทรงจำมหาศาล เขาได้สัมผัสเพียงที่เล็กที่สุดที่มีเพียงแสงสลัวๆ ยังได้รับสิ่งล้ำค่าขนาดนี้ ถ้าหากเขาได้เข้าไปอีก ไปเอาเศษเสี้ยวความทรงจำมากอีก ปริมาณของสมบัติที่เขาได้ครอบครองจะมหาศาลเพียงใด

เมื่อคิดได้เช่นนั้น จู่ๆหลินหมิงก็ทรุดตัวลง เขาได้ลืมไปว่า แม้เป็นเพียงชิ้นส่วนที่เล็กที่สุดของจิตวิญญาณไร้ชีวิตยัง กลืนเกือบจะกลืนกินจิตสำนึกของเขาแล้วไปแล้ว หากเป็นสิ่งใหญ่กว่ามีแนวโน้มที่จะสามารถที่จะกำจัดทันทีเขา! หลินหมิงฝันสลาย!!!

เขาอาจเข้าใจวิธีเรียกลูกบาศก์ศักดิ์สิทธ์และสามารถทนการกลืนกินจิตสำนึกของความทรงจำได้เมื่อได้ไปถึงระดับที่สูงขึ้น สิ่งที่เขาต้องทำในขณะนี้คือการฝึก 'จุดสูงสุดแห่งความโกลาหล' ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

หลินหมิงเลิกพยายามที่จะเรียกลูกบาศก์ศักดิ์สิทธ์และเริ่มศึกษามรดกวรยุทธ์จากอาณาจักรพระเจ้า

สิ่งสำคัญของ 'จุดสูงสุดแห่งความโกลาหล' คือการเปลี่ยนร่างกายทุกส่วนให้เป็นอาวุธของที่มีความแข็งแรงได้อย่าน่าตกใจ

นอกจากนี้ 'จุดสูงสุดแห่งความโกลาหล'ยังเน้นวิธีที่ใช้ความแข็งแรงชั้นแรกของการฝึกอบรมความแข็งแรงอยู่แล้วแตกต่างกันไกลจากบรรทัดฐาน

โดยทั่วไปเมื่อมีผู้ใดมีแรงพันจิ๋น (604 กิโลกรัม) ผู้นั้นจะประสบความสำเร็จในการฝึกกับต้นไม้ แต่'จุดสูงสุดแห่งความโกลาหล' ไม่เพียงแต่การฝึกฝนด้านความแข็งแรง แต่ยังฝึกด้านแม่นยำ, การควบคุมพลังที่ใช้ หากผู้ใดเข้าใจและประสบความสำเร็จ มันผู้นั้นจะสามารถใช้ฝ่ามือฟาดทะลวงลำต้นของต้นไม้ทะลุไปถึงชั้นเยื่อไม้ได้อย่างง่ายดาย!

...

สามวันต่อมา

ที่ตีนเขาของภูเขาโจวมีพระจันทร์เต็มดวงส่องสว่างกลางฟากฟ้า หลินหมิงยืนหลับตาอยู่บนที่ราบพื้นหญ้า เขาสูดลมหายใจเป็นจังหวะ ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่มานานเพียงใด เป็นดั่งเหมือนประติมากรรมส่องสว่างทร่ามกลางแสงจันทร์

เขาฝึกฝน 'จุดสูงสุดแห่งความโกลาหล' เกิดการไหลเวียนของพลังงานที่แท้จริง เมื่อความเข้าใจที่สำคัญของมันคือความเพียร ทำให้ความความแข็งแกร่งและความคงทนพัฒนาขึ้นอย่างมากในระดับที่เหนือกว่าผู้อื่นในขั้นเดียวกัน!

ภายใต้ลมยามค่ำคืน ต้นหญ้ามากมายพลิ้วไหวเป็นคลื่น การหายใจของหลินหมิงเป็นไปตามลูกคลื่นเหล่านี้นราวกับว่าเขาได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติโดยรอบ

หยดน้ำค้างกลั่นตัวบนใบไม้เหนือหัวของหลินหมิง กลั่นตัวอย่างช้าๆ ในที่สุดก็หลดลงมา

หลินหมิงที่เดิมทียืนอยู่นิ่งๆก็เปิดตาของเขา เขาเหยียดแขนขวาออกไปช่วยให้หมดน้ำค้างไปอยู่ที่ปลายนิ้วของเขา จู่ๆมือข้างขวาของหลินหมิงก็กำหมัด ไหล่และต้นขาของเขาเคลื่อนไปสู่ตำแหน่งที่เหมาะสมและออกหมัดในทันที

"บูม!"

เกิดเสียงดังก้องกังวาน ลำต้นของต้นไม้หนาข้างหน้าหลินหมิงสั่นสนั่นหวันไหว ร่องรอยของกำปั้นปรากฏท่ามกลางฝุ่นเป็นวงบนเนื้อไม้!

หลินหมิงหายใจออกและปล่อยกำปั้นของเขา ทำให้น้ำค้างสาดกระเซนลงมา "ปา ดา"(เสียงน้ำค้างกระทบพื้น) เสียงนั้นดังมาจากพื้นหญ้าหยดน้ำกระจัดกระจาย

เกิดรอยยิ้มโผล่ออกมาบนใบหน้าของหลินหมิง

เมื่อใช้ 'จุดสูงสุดแห่งความโกลาหล' ได้สมบูรณ์แบบแล้วหยดน้ำค้างจะพุ่งออกมาด้วยกันโดยไม่เกิดเป็นสะเก็ด แม้ว่าปัจจุบันเขาเข้าใจยังทำไม่ได้ แต่ในอนาคตเขาต้องทำให้สำเร็จ

นอกจากนี้ยังได้ทิ้งรอยกำปั้นลึกลงไปครึ่งฝ่าเท้าบนต้นไม้เหล็ก สามวันก่อนการชกที่ดีที่สุดทำได้เพียงครึ่งนิ้วเท่านั้น ผลสัมฤทธิ์ในนการฝึกฝนปัจจุบันทั้งหมดเกิดจากการ 'จุดสูงสุดแห่งความโกลาหล'

ในทั้งสามวันนี้หลินหมิงฝึก'จุดสูงสุดแห่งความโกลาหล'ไม่หยุดและในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในการเข้าถึงช่วงเริ่มต้น ในความเป็นจริงหลินหมิงต้องขอบคุณที่ความทรงจำของนักรบระดับสูงผู้นั้น ทำให้ได้รับเป็นประโยชน์อย่างมากในการฝึกฝนของหลินหมิง แม้เข้าจะมีความทรงจำ'จุดสูงสุดแห่งความโกลาหล' แต่หลินหมิงก็ต้องโดยใช้ร่างกายของเขาเอง

เนื่องจากการฝึกอย่างบ้าคลั่ง เขามีอัตราการบริโภคสมุนไพรสูงขึ้นมาก ด้วยอัตรานี้โสมเลือดของเขาจะหมดไปในเวลาครึ่งเดือน

ตอนนี้เขามีแนวทางฝึกฝน แต่ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาสมุนไพรไม่เพียงพอ ...

อีกสองวันผ่านไป ความแข็งแกร่งของหลินหมิงก็เติบโตขึ้นอีก ปัจจุบันหลินหมิงก็สามารถที่จะแร่เนื้อสัตว์ดุร้ายระดับหนึ่งได้อย่างง่ายดาย สำหรับเขาแม้จะต้องบดสัตว์ดุร้ายระดับสองทั้งห้าตัวพร้อมกันยังถือว่าไม่ยากเกินไป

....

เช้าวันหนึ่งหลินเซี่ยวตง มาถึงศาลาจันทร์กระจ่างเพื่อพบหลินหมิง เขาเคยบอกหลินเซี่ยวตงก่อนหน้านี้ว่าเขากำลังทำงานอยู่ในศาลาจันทร์กระจ่าง แม้ว่าหลินเซี่ยวตงจะไม่เห็นด้วยที่เขาจะไปที่นั่น

"ไปงานศิลปะการต่อสู้ประจำปี?" หลินหมิงรู้สึกตกใจที่ได้ยินคำชวนของหลินเซี่ยวตง

"ที่นั่นมีนักรบมากมายและเหล่าขุนนางชั้นสูง ที่นั้นไร้ซึ่งสิ่งของหายากจะมีก็เพียงสิ่งของหายากโครตๆเท่านั้น! "

หลินหมิงยักไหล่และตอบว่า "จะเอาทองจากไหนไปซื้อของเหล่านั้นหละ ณ ตอนนี้ข้ามีอยู่เพียงยี่สิบเหรียญทอง "

"ไม่จำเป็นว่าสามารถซื้อได้หรือไม่ เราเพียงไปดูรอบๆ ใช้เวลานี้เก็บประสบการณ์ นอกจากนี้เราจะเข้าสู่สำนักเร็วนี้ อย่างน้อยเราต้องมีอาวุธที่ดี แม้ว่าข้าจะไม่สามารถซื้ออาวุธระดับสูงแพงๆได้ ข้าก็ยังสามารถที่จะซื้ออาวุธระดับกลางส่วนใหญ่ได้ "

และแล้วหลินเซี่ยวตงก็ไม่ผิดหวัง หลินหมิงเลือกที่ไปกับเขา เพราะที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนเป็นประสบการณ์ที่มีประโยชน์

ขณะออกเดินทาง หลินเซี่ยวตงพูดเรื่องงานศิลปะการต่อสู้ประจำปีไม่หยุด เขาเป็นคนที่คุ้นเคยกับรายละเอียดของงานเป็นอย่างดี ขณะที่พวกเขากำลังเดินทางอยู่ในซอยหลินหมิงก็หยุดลงและวางมือบนไหล่ของหลินเซี่ยวตง

"มีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือ?" หลินเซี่ยวตงถาม

"มีใครบางคนกำลังล้อมเราไว้" หลินหมิงถึงมีดแร่เนื้อที่เอวของเขาออกมา ต้องขอบคุณการฝึกฝนของเขา'จุดสูงสุดแห่งความโกลาหล' หลินหมิงมีความสามารถในการรับรู้เพิ่มขึ้นอย่างมาก

เขาเดาได้ว่ามันเป็นใคร หลายวันก่อนเขาได้ทำร้ายคนที่ใส่ต่างหูลิง ตอนนี้มันผู้นั้นก็ได้ตัดสินใจที่จะเผยตัวตนออกมา ขณะที่หลินหมิงเองก็เตรียมพร้อมรับมือเอาไว้แล้ว