วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

บทที่ 18  ขายออกแล้ว

...

...

...

หลินหมิงหยุดอีกครั้งที่โถงประมูลที่มีรูปใบเมเปิลสีแดง หลินหมิงไม่ได้มีความคิดเรื่องความสำเร็จใดๆ ในขณะที่เขาคิดเช่นนั้น หญิงผู้ขายประมูลของโถงประมูลก็ออกมาปฏิเสธเขา

แต่หญิงสาวที่สวยงามคนนี้รู้สึกว่าหลินหมิงได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมมาตลอด ดังนั้นเธอจึงแนะนำทางออกให้เขาสองทาง ทางแรกคือให้เขาไปสมาคมจารึก บางทีพวกนั้นอาจจะมีความสนใจที่จะซื้อแผ่นจารึกของเขาเก็บไว้เป็นคอเล็กชัน ปกติแผ่นจารึกระดับฝึกงานค่อนข้างหายากเพราะอัตราความสำเร็จต่ำ แต่หลินหมิงมีถึงสี่ บางทีมันอาจมากเกินไป ส่วนทางเลือกที่สองเขาอาจจะลองมุ่งหน้าไปยังกลางเมืองเล็กๆและเร่ขายสินค้าพวกนั้น

หลินหมิงไม่เคยไปที่สมาคมจารึกมาก่อน เขาไม่ได้มีข้อมูลประจำตัวของนักจารึกและแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญจารึกระดับแนวหน้าก็ไม่สามารถเห็นความลึกลับที่อยู่เบื้องหลังการจารึกหลินหมิงได้ ความแตกต่างระหว่างเทคนิคการจารึกที่อาณาจักรลิขิตฟ้าและดินแดนพระเจ้ามีมากเกินไป

สิ่งเดียวที่หลินหมิงจะทำคือการไปที่ใจกลางเมืองและหวังว่าจะขายแผ่นจารึกที่เขามีได้ แต่น่าเสียดายมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะขายมันได้ในราคาสูง

แม้ว่ากลางเมืองจะเป็นศูนย์กลางการค้าระดับล่างมันก็ยังคงเป็นสถานประกอบการอย่างเป็นทางการ ในที่นี่มีสินค้าหลากหลายให้ซื้อขายและมีการเก็บภาษี ศูนย์การค้าจะคิดร้อยละห้าเป็นค่าภาษี แต่ชื่อเสียงของศูนย์การค้าก็เป็นที่รู้จักกันดีและมีไม่ใครกลัวว่าจะถูกโกงผู้คนจำนวนมากเป็นเช่นนั้น

เกณฑ์คุณภาพของสินค้าที่จะเข้าสู่ศูนย์กลางการค้าอยู่ในระดับที่ต่ำ เพียงแค่มันเป็นของแท้และใช้งานได้แล้วสินค้านั้นก็อาจจะขายได้ในราคาที่เหมาะสม สำหรับแผ่นจารึกของหลินหมิง มันก็เป็นเพียงแค่ผลงานของเด็กฝึกงานมีค่าอยู่ในระดับต่ำ

หลังจากที่ศูนย์ซื้อขายประเมินราคาและตรวจสอบสินค้าของเขา คนอ้วนเสนอราคาให้เริ่มต้นที่ 100 เหรียญทอง

ได้ยินราคานี้ หลินหมิงตะลึงด้วยความเงียบ เรื่องบ้าอะไรเนี่ย! ทำไมถึงเป็นแบบนี้!

วัสดุสำหรับการจารึกค่าใช้จ่าย 800 เหรียญทองและศูนย์กลางการค้าที่นำเสนอให้ 100 เหรียญทองหนึ่ง ถ้าเขาขายที่ 100 เหรียญทองหลินหมิงจะเหลือเพียง 400 เหรียญทอง!

"ตกลงว่าเจ้าต้องการที่จะขายหรือไม่?"

หลินหมิงกำฟันของเขา "อ่า..ข้าจะขาย ข้าจะขายแค่สองแผ่น "

หลินหมิงใช้จ่ายเงินทั้งหมดของเขาเมื่อไม่นานมานี้ ถ้าเขาไม่ได้เงินเดือนและเงื่อนไขที่ดีของศาลาจันทร์กระจ่าง เขาคงจะต้องอดอาหารอยู่บนท้องถนนเป็นแน่

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการขาดทุก เขาสามารถที่จะยอมรับการขายสักสองชิ้น สำหรับอีกสองชิ้นเขาจะเก็บไว้และรอระยะเวลา หัวใจของเขาเองก็ไม่เต็มใจที่จะขายสองชิ้นในราคาเพียงชิ้นละ 100 เหรียญทอง

"ทิ้งที่อยู่ของเจ้าไว้ด้วย" ผู้ประเมินตัวอ้วนกล่าว ศูนย์การค้าเป็นผู้รับผิดชอบในการขายสินค้าที่มีค่าภาษี เมื่อคนมาซื้อสินค้าพวกเขาจะต้องจ่ายเพิ่ม สำหรับหลินหมิงเองเขาก็ยังไม่ค่อยพอใจที่จะขายแผ่นจารึกทั้งสอง

"ค่าวางประมูล1เหรียญทองสำหรับการลงประมูลระดับต่ำ 3เหรียญทองสำหรับการลงประมูลระดับกลาง และ5เหรียญทองสำหรับการลงประมูลระดับสูง ต่อหนึ่งเดือน ถ้าหลังจากช่วงเวลาที่ว่ามันไม่สามารถที่จะขายออกไปได้ การประมูลจะถูกยกเลิก "ผู้ประเมินอ้วนกล่าว

หลินหมิงหยิบเหรียญทองจากกระเป๋า5เหรียญของเขาและยื่น3เหรียญทองให้ไป "ข้าเลือกลงประมูลระดับกลางกลาง"

เมื่อคิดเช่นนั้น แม้จารึกจะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นจากนักจารึกผู้เชี่ยวชาญ แต่ตอนนี้มันมีราคาเพียง 100 เหรียญทองเท่านั้นและเขายังต้องจ่ายภาษีร้อยละห้าพร้อมกับค่าลงประมูลอีก! และมันยังขึ้นอยู่กับคนที่จะซื้อสินค้าของเขาอีก!

หลินหมิงลงนามตกลงวางประมูลสิ้นค้า จริงๆมันก็เป็นเรื่องยากที่ใครจะรู้จักเขา

เขาเก็บอีก2เหรียญทองกลับเข้าไปในกระเป๋าและฝืนยิ้มออกมา แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะหาซื้อยาที่ดีดีเพื่อส่งเสริมการฝึกฝนของเขา หากเขาโชคดีเขาหวังเพียงมีอาหารเพียงพอในแต่ละวัน

โดยไม่ต้องมียาโอสถและวัสดุอื่นใด หลินหมิงรู้สึกว่าการจะขอยืมเงินจากน้องชายของเขา หลินเซี่ยวตง คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนักดังนั้นเขาจึงใช้ชีวิตอยู่ในเทือกเขาโจวและได้ฝึกฝน ‘ปฐมโกลาหล’ ตลอดเวลาที่เหลืออยู่ทั้งวัน

แล้วเวลาอีกเจ็ดวันก็ผ่านไป

ศูนย์การค้ากลางเมืองเป็นสถานที่ที่คึกคัก ผู้ที่มีวิจารณญาณความรู้ที่ดีจะมาที่นี่และมักจะเลือกซื้อสินค้าหายากบางอย่างที่วางราคาถูกว่ามูลค่าของมัน มันเป็นความรู้สึกที่คุ้มค่าสำหรับการสมบัติที่ซ่อนอยู่ในกลุ่มสิ่งของชั้นต่ำพวกนั้น!



แต่คนเหล่านี้มักจะไม่ค่อยสนใจสมุนไพรโอสถหรือแผ่นจารึกเท่าใดนัก เพราะสำหรับสินค้าพวกนี้มันยากที่จะมองเห็นคุณภาพที่แท้จริงของพวกมัน ดังนั้นพวกเขามักจะข้ามรายการเหล่านี้ไป

เพราะเหตุนี้และหลายร้อยหลายพันลูกค้าที่พบเห็นแผ่นจารึกของหลินหมิง ต่างก็ปล่อยมันไว้บนหิ้งโดยไม่มีใครสนใจ

แต่ในวันนี้ ชายสูงใหญ่ผู้มีพละกำลังและร่างกายใหญ่โตมาเดินเล่นที่ศูนย์การซื้อขาย ร่างทั้งร่างของเขาถูกห่อด้วยกล้ามเนื้อหนาและมีลักษณะขรุขระเป็นมัดๆ เขาสามารถข่มขู่ผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย เขาสะพายดาบยักษ์ยาว4ฟุตไว้บนหลังและเดินอย่างภาคภูมิใจเหมือนเสือที่กำลังมองหาปัญหา

เขาคนนั้นมีสายตาเย็นชา ร่างของเขาปรากฏรอยแผลเป็น เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์ชีวิตเสี่ยงตายมานับไม่ถ้วน ผู้ชายคนนี้อาจเป็นฆาตกรตัวจริง บรรดาคุณชายตัวน้อยที่ได้รับการฝึกฝนการต่อสู้จากสำนักต่างๆคงไม่อาจเปรียบเทียบกับการปรากฏตัวของเขาได้

เมื่อได้เห็นชายผู้นั้น ผู้ประเมินอ้วนหดตัวลง ผู้ชายคนนี้มีการฝึกกายภาพระดับ5! เขาอยู่บนจุดสูงสุดของขั้นดัดกระดูก(ขั้น5)!

อีกเพียงก้าวเดียวชายคนนี้ก็จะก้าวเข้าสู่ขั้นผสานชีพจร แต่ขั้นนั้นมีคนจำนวนมากเกินที่ไม่สามารถก้าวเข้าไปได้ แม้จะใช้เวลาทั้งชีวิตของพวกเขา

"ท่านมีความปรารถนาในสินค้าจำพวกใดรึ?" ผู้ประเมินอ้วนยืนขึ้นและให้การต้อนรับ

ชายคนนั้นไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียวและทำเพียงแค่มองไปรอบๆเท่านั้น นักประเมินก็ยังคงเงียบสงบรอให้บริการเขา

ชายคนนั้นมองไปรอบๆได้ซักพัก สินค้าทั้งร้านมันไม่ได้ดูเหมือนสิ่งที่เขาสนใจ เขามองข้ามสิ่งอื่นๆไป และชี้ไปที่แผ่นกระดาษสีเหลืองที่ถูกหนีบอยู่บนบานหน้าต่างกระจก "นี่คือแผ่นจารึกรึ?"

"ใช่ขอรับ"

"มันราคาเพียง 100 เหรียญทอง?" ชายคนนั้นกล่าวด้วยความประหลาดใจ แผ่นจารึกปกติล้วนแพงกว่า 1000 เหรียญทอง แต่นี่เพียงแผ่นละ 100 เหรียญทอง มันราคาถูกเสียจริง

เจ้าของร้านกล่าวตามความเป็นจริงว่า "นี่เป็นสินค้าจากฝึกงานการจารึก ระดับการฝึกฝนเขามีเพียงขั้นที่3 ความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้นก็ไม่น่าจะมากไปกว่าร้อยละสิบ "

"ร้อยละสิบ ... " ชายคนนั้นขมวดคิ้ว มันเป็นระดับคุณภาพที่ต่ำก็จริง แต่อนิจจาเขาไม่สามารถที่จะซื้อแผ่นจารึกมูลค่ามากกว่า 1000เหรียญทองได้

ชื่อของบุรุษผู้นั้นคือ ไท้เฟิง ภูมิหลังของเขาเป็นทหารธรรมดาและเงินเดือนของเขาขึ้นอยู่กับที่กองทัพที่จะจัดสรรไว้ให้ เขาจะต้องแบ่งให้พ่อแม่ผู้ของเขาพร้อมตัวของเขาเอง ดังนั้นเขาไม่สามารถใช้จ่ายทองจำนวนมากได้ เช่น 1000 เหรียญทองได้ แต่เพียง 100 เหรียญทองช่างเป็นราคาที่น่าสนใจยิ่งนัก

เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ไท้เฟิงได้ออกรบพร้อมกับกองกำลังนักรบ ในการเดินทางพวกเขาได้นำหัวของผู้นำศัตรูที่มีการฝึกฝนกายภาพขั้น5 ขั้นดัดกระดูกกลับมา! มันทำให้ดาบของเขาบิ่นในสงคราม ดาบนี้เป็นถึงสมบัติของเขา!

กฎระเบียบของกองทัพบอกว่าหากพบสมบัติในการออกรบ สมบัตินั้นจะเป็นของผู้ค้นพบ เช่นนี้ไท้เฟิงจึงได้รับดาบสมบัติเล่มนั้นมา แต่ดาบกลับได้รับความเสียหาย ปลายดาบหักออกไป

สมบัตินี้มันไม่สมบูรณ์ มันถูกจำกัดความสามารถ เมื่อนักสู้ใส่จิตวิญญาณของเขาเข้าไปในอาวุธ พลังของดาบที่ไม่สมบูรณ์จึงมีไม่สูงมากดังที่ควรจะเป็น

นอกจากนี้ ไท้เฟิง ผิดหวังที่ดาบเล่มนี้ไม่มีการจารึกมาก่อน เพื่อเพิ่มความแข็งแก่รงเป็นดาบจะไม่สมบูรณ์ก็ตาม

ไท้เฟิงเองไม่ได้ไม่ได้มีความรู้ในการจารึกมาก่อน และเขาก็ไม่สามารถที่จะจ่ายในราคาที่สูง ทั้งยังเป็นดาบสมบัติที่ได้รับความเสียหายมา ดังนั้นอาจจะบอกได้ว่ามันไม่น่าใส่จารึกลงไป แต่เมื่อได้เห็นแผ่นจารึกนี้จากเด็กฝึกงาน เขาเริ่มที่จะเห็นการโอกาสเพิ่มประสิทธิภาพให้มัน

โดยทั่วไปแผ่นจารึกที่เสริมความแข็งแก่รงขึ้นร้อยละสามสิบ จะมีมูลค่า 1500 เหรียญทอง แต่แผ่นจารึกนี้เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละสิบและมีราคาถูกเพียง 100 เหรียญทอง อัตราส่วนของค่าใช้จ่ายกับประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นถือว่าคุ้มค่า แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเขามีเงินพอจะซื้อมันได้!

พรุ่งนี้วันที่แข่งขันศิลปะการต่อสู้ของกองทัพรอบที่สาม ฝ่ายตรงข้ามคนต่อไปของเขาอาจจะเก่งมาก ถ้าหากเขาสามารถเพิ่มความแข็งแก่รงให้ดาบของเขาได้ แม้เพียงสึกนิด โอกาสชนะของเขาก็จะเพิ่มสูงขึ้น

การแข่งขันโดยนักสู้อายุไม่เกิน30 ถ้าใครมีผลการแข่งที่ดีพวกเขาจะได้รับผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน แม้กระทั่งการส่งเสริมเลื่อนยศทหาร!

ไท้เฟิงได้รับความดีความชอบสะสมมาตลอดทั้งปี ถ้าหากเขาแสดงให้เห็นผลการแข่งที่ยอดเยี่ยมในเวลานี้ได้ เขาอาจจะได้รับการเลื่อนยศให้เป็นกัปตันคุมคนหมื่นคน นอกจากนี้ผลตอบแทนที่ได้ก็จะสูงขึ้น สิบปีที่แล้วแม่ของเขาได้ออกไปหายาสมุนไพรเพื่อที่เขาจะได้ฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้และได้พลัดตกจากหน้าผาและเสียขาทั้งสองข้างของเธอไป เธอทำได้เพียงใช้ชีวิตอยู่บนเตียงตั้งแต่นั้นมา ไท้เฟิงสาบานว่าต่อสวรรค์ทั้งหลายว่าเขาจะซื้อโอสถหยกดำที่หายากให้แม่ของเขา โอสถหยกดำมีความสามารถในการรักษากระดูกที่หักถ้าใช้มันอย่างถูกต้อง มันจะสามารถรักษาขาทั้งสองข้างของแม่ของเขาได้และเธอจะกลับมาเดินได้อีกครั้ง! แต่ราคาของยาโอสถที่หายากนี้คือ 5000 เหรียญทอง สำหรับเขาตอนนี้มันเป็นตัวเลขที่เป็นไปไม่ได้

ในใจของเขา ไท้เฟิงต้องซื้อมันให้ได้ด้วยตัวของเขาเอง! พรุ่งนี้เป็นวันที่สามของการแข่งขัน แม้กระทั่งจอมพลฉินเสี่ยวก็จะเข้าร่วมชมด้วย เขาเป็นบุคคลหนึ่งที่สำคัญในแผ่นดิน! ไม่มีทางที่เขายอมจะเสียโอกาสแสดงฝีมือในครั้งนี้!

เพื่อครอบครัวและแม่ของเขา!

ไท้เฟิงกัดฟันของเขาและพูดกับเจ้าของร้าน"แผ่นจารึกนั้น ข้าต้องการมัน!"

...

"เป็นไปไม่ได้! พี่ขายมันออกในราคา 95 เหรียญทอง? "หลินเซี่ยวตงมองเงินในมือของหลินหมิง และไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง เขาอยากจะคิดว่าคนโง่ที่น่าสงสารคนไหนยอมเสีย 95 เหรียญทองเพื่อซื้อแผ่นจารึกเน่าๆนั้นไป

"ข้าได้มาแค่ 92 เหรียญทอง" หลินหมิงกล่าวขึ้น ศูนย์การค้ากลางเมืองเก็บเงินค่าภาษี และส่งมอบให้หลินหมิง แต่เดิมมันเป็น 100 เหรียญทองและหักภาษีร้อยละห้าและอีกสามเหรียญทองค่าวางขาย สุดท้ายเหลือมา 92 เหรียญทอง

แท้จริงแล้วแผ่นจารึกควรจะได้มีค่าต่ำสุด 1000 เหรียญทอง เขาขายออกไปได้เพียง 92 เหรียญทอง หลินหมิงว่าคนที่ซื้อมันไปคงได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก แต่มันเป็นความจริงที่ว่าผู้ที่ซื้อมันมีความเสี่ยง

90 เหรียญทองก็ไม่มากพอที่จะซื้อยาโอสถหายาก มันพอเพียงเป็นสมุนไพรรักษาบาดแผล หลินหมิงยักไหล่และเดินไปที่ร้านโอสถมองหาของบางอย่าง

สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือในขณะนี้มีการแข่งขันกันเอิกเกริก มันเกิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ การชุมนุมใหญ่ของยอดนักสู้!

...

บริเวณโดยรอบระยะสิบไมล์ มีนายทหารสวมเกราะเหล็กหนักภายใต้ดวงอาทิตย์ที่สอดส่องนับหมื่นนายยืนอยู่ หากหนึ่งในนั้นเดินมาทางพวกเขา พวกเขาจะรู้สึกกลิ่นอายแห่งสงครามราวกับว่าพวกเขาจะจมอยู่ในสนามรบโบราณ และมีพระเจ้าแห่งความตายควบคุมพวกเขาอยู่ นักรบเหล่านี้เป็นนักรบที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งอาณาจักรลิขิตฟ้า หกสุ่มหนึ่งในหมื่นนั้นออกมาคนหนึ่ง มันเป็นเรื่องธรรมดาที่นักรับคนนั้นจะสู้นักรบอื่นๆสิบคนได้!

ตรงข้ามกับทหารเหล่านี้เป็นแถวที่นั่ง มีชายคนหนึ่งสวมชุดเกราะสีทองนั่งอยู่ตรงกลาง แม้ว่าเส้นผมที่หนาของเขาจะหงอก การแสดงออกของเขาก็ยังดูน่าเกรงขามและดวงตาของเขามีความคมชัดดุดันเหมือนเหยี่ยว เขาให้ความรู้สึกถึงการแผ่พลังงานที่ใร้ขีดจำกัดเช่นในหมู่วีรบุรุษ เขาคือป้อมปราการที่แข็งแกร่งแห่งฝั่งตะวันออกของอาณาจักรตลอด 80 ปีที่ผ่านมา จอมพลฉินเสี่ยว!

การปรากฏตัวท่านจอมผลที่นี่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการแข่งขันครั้งนี้ แม้แต่คนตระกูลฉินก็ยังมาเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ รวมทั้งฉินชิงหวนและอาจารย์ของเธอท่านมู่ยี่ ท่านมู่ยี่มีอายุกว่า 100 ปี การฝึกฝนของเขาไปถึงขั้นกลางปราณฟ้าชั้นต้น เขายังเป็นผู้นำชั้นแนวหน้าของเหล่านักจารึกในอาณาจักรลิขิตฟ้า แม้แต่ราชาแห่งอาณาจักรลิขิตฟ้ายังต้องปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ



นอกจากครอบครัวฉินแล้วก็ยังมีเจ้าหน้าที่ทหารอื่นๆอีกหลายพันมาเข้าชมการแข่งขันในครั้งนี้!