วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

บทที่ 19 ความสงสัยของมู่ยี่
ชาวอาณาจักรลิขิตฟ้าให้ความเคารพศิลปะการต่อสู้มากเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเหล่าทหาร การแข่งขันนี้จะจัดขึ้นทุกสามปีเพื่อแสดงความสามารถและเลื่อนยศไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเพื่อยกระดับจิตวิญญาณการต่อสู้ของนักรบ

ข้อกำหนดที่เป็นเงื่อนไขของการแข่งขันครั้งคือจะต้องมีอายุน้อยกว่าสามสิบปีและประสบความสำเร็จอย่างน้อยการฝึกฝนกายภาพขั้นที่สาม คู่ต่อสู้กว่าคนที่เข้าร่วมในการแข่งนี้และหลังจากการทดสอบหลายต่อหลายรอบ จะเหลือเพียงห้าสิบคนเท่านั้นที่ยังคงอยู่

ตอนนี้เป็นการแข่งขั้นรอบที่สามและเป็นรอบสุดท้ายที่กำลังจะเริ่มขึ้น เหล่าคู่แข่งที่ได้ผ่านเข้ามาพวกเขาจะเหลือเพียงห้าสิบคนในเร็วๆนี้

นี่เป็นการแข่งขันรอบสุดท้าย ผู้เข้าแข่งขันจะแสดงความสามารถทั้งหมดที่ซ่อนไว้ออกมา และต่อสู้อย่างสุดความสามารถ! เป็นรอบที่จะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของไฟโทสะเพื่อแย่งชิงจุดยืนสุดท้ายของกันและกัน!

การแข่งขันในรอบแรกๆไม่ได้ทำให้เกิดความสนใจจากผู้ชมมากนัก คู่แข่งที่อยู่ในสนามส่วนใหญ่มักจะมีความแข็งแก่รงต่ำหรือสูงเกินไป มีความแตกต่างมากเกินไประหว่างผู้เข้าแข่งขัน จึงไม่ค่อยมีการต่อสู้ที่สูสีเร้าใจใดๆ ทั้งหมดนี่ฉินเสี่ยวคือผู้ดูแลการดำเนินงานและผลการแข่งขันที่ได้

การแข่งขันในขณะนี้แบ่งเป็นมีสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเป็นบุตรชายของนายพล เขาหล่อมากอายุ 29 ปีฝึกฝนถึงจุดสูงสุดของขั้นดัดกระดูก(ขั้น5) ไม่กี่ปีที่ผ่านมาชายคนนี้ฝ่าฟันภารกิจต่างๆมามากมาย ได้รับเหรียญยกย่องจำนวนมากและได้รับรางวัลสำหรับความสามารถของเขา ความแข็งแก่รงของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากเหตุการณ์เหล่านี้และมีสมบัติในครอบครองมากถึงสองชิ้น กระบี่และชุดเกราะ กระบี่ของเขามีจารึกที่วาดโดยผู้เชี่ยวชาญผนึกไว้ ความแข็งแก่รงของมันมิอาจมองข้ามได้เลย!

และอีกด้านหนึ่ง เขาเป็นทหารที่เกิดของจากครอบครับธรรมดาๆ ชื่อของเขาคือ ไทฟิง ความสามารถของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่เขามีความมุมานะฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งทุกลมหายใจของเขา เขาเป็นคนที่กล้าหาญในการต่อสู้ ไม่ลังเลที่จะเสี่ยงชีวิตในการต่อสู้ เขาได้ฆ่าศัตรูจำนวนมากและมีประสบการณ์มากยิ่งกว่านายทหารทั่วๆไป! ตอนนี้ ไทเฟิงเองก็อยู่บนจุดสูงสุดของขั้นดัดกระดูก

มันเป็นเรื่องที่ยากสำหรับทหารสองคนนี้ ด้วยระดับการฝึกฝนที่แทบจะเท่ากันของพวกเขา หลังจากฆ่าฟันศัตรูของพวกเขามานับไม่ถ้วน ในอนาคตมันเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะก้าวไปสู่ขั้นผสานชีพจร(ขั้น6 )และกลายเป็นเสาหลักของราชอาณาจักร!

ในฐานะที่เป็นผู้ตัดสินการแข่งขันของทั้งสอง ชายอาวุโสชุดเกราะเงินยิ้มอย่างมีความสุขและพึงพอใจ เรื่องนี่น่าภาคภูมิใจกำลังจะเกิดขึ้นบุตรชายของเขาบนเวที!



"ฮ่า ๆ อาวุโสหลี่ ลูกชายของเจ้าช่างน่าภาคภูมิใจยิ่งนัก " ฉินเสี่ยวยิ้มในขณะที่เขากล่าว ชายชุดเกราะเงินนี้เคยอยู่ภายใต้คำสั่งของเขาและพวกเขาเป็นเพื่อนเก่ากัน

"ท่านผู้บัญชาการ(จอมพลฉิน)สุภาพเกินไปแล้ว บุตรชายที่น่าสงสารของข้าได้เติบโตขึ้นมาพร้อมกับยาโอสถที่หายากจำนวนมากและยังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทอย่างสุดหัวใจ จริงๆแล้วเขาไม่ได้มีความมุ่งมันขนาดนั้น ข้าหละเสียใจ "แม้ว่าชายอาวุโสชุดเกราะเงินกล่าวอย่างถ่อมตัวเช่นนั้นออกมา แต่เขาก็ไม่อาจปกปิดรอยยิ้มของเขาไว้ได้ เขาพอใจในบุตรชายของเขาอย่างมากและความภาคภูมิใจที่มีลูกชายเช่นนี้

"ฮืมมม ไท้เฟิงเองทำที่ผ่านมาได้ดี แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะชนะในวันนี้"

ฉินเสี่ยวกล่าวเพราะความแตกต่างในทักษะการต่อสู้และความเหลื่อมล้ำในอุปกรณ์หายากของพวกเขาทั้งสอง(พวกแกไม่รู้จักอิทธิฤทธิ์ของแผ่นจารึกใบละร้อยเสียแล้ว ไอ้พวกเหล่าทหารแก่หัวหงอก ว่าไปนั้นไปว่าปู่นางเอกอีก@ 555)

ลูกชายของชายชุดเกราะเงินมีสองสมบัติล้ำค่า ทั้งยังมีการจารึกที่สูงส่งเสริมพลังของมันอีก งานนี้ไท้เฟิงผู้มาจากตระกูลที่ต่ำต้อยไม่อาจเทียบได้ เป็นธรรมชาติที่เขาจำต้องยอมรับ 

สงครามครั้งนี้อาจดูเหมือนจะไม่ยุติธรรม แต่การแข่งขันอาณาจักรลิขิตฟ้าก็เป็นเช่นนี้เสมอ ดังนั้นสมบัติและอุปกรณ์ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแรงโดยธรรมชาติของเหล่าทหาร! ในท่ามกลางสนามรบความเหลื่อมล้ำในอุปกรณ์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ใช้ตัดสินกับศัตรู ดังนั้นใครจะมาบ่นว่ามันไม่เป็นธรรมไม่ได้!!

มันเป็นไปไม่ได้ที่ทางกองทัพจะจัดหาอุปกรณ์หายากให้กับเหล่าทหารทุกคน ถ้าทหารต้องการที่จะโดดเด่นแล้วภูมิหลังของตระกูลของพวกเขาก็คือส่วนหนึ่งของความแข็งแก่รงของพวกเขา มันเป็นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่ง(อย่างกะใช้เส้นสายวงใน)

เมื่อไท้เฟิงขึ้นมาบนเวที เขาดึงดาบยาวสี่ฟุตของเขสออกมา ฉินเสี่ยวหันไปหามู่ยี่ซึ่งนั่งอยู่ข้างเขา "ท่านมูยี่ ท่านคิดเห็นอย่างไรกับดาบของไท้เฟิง?"

มู่ยี่ลูบเคราของเขาเล็กน้อยและพยักหน้า "แน่นอนมันเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ทว่ามันได้รับความเสียหายมาก่อน"

"โอ้ความเสียหายรึ?" หลังจากมู่ยี่กล่าว ฉินเสี่ยวพึ่งสังเกตเห็นว่าปลายดาบหักออกไปเล็กน้อย มันเป็นดาบที่เสียหายจริงๆ

มู่ยี่กล่าวขึ้นต่อ "อุปกรณ์ที่เสียหาย แน่นอนว่ามิอาจเทียบอุปกรณ์ที่สมบูรณ์ได้ ไม่เพียงเท่านั้น หลี่ฉี คู่ต่อสู่ของไท้เฉิงยังมีถึงสองสมบัติล้ำค่า แม้ทั้งสองจะมีระดับพลังในการฝึกฝนคล้ายกัน แต่ในหลายๆเรื่องไท้เฟิงด้อยกว่าหลี่ฉี การแข่งขันครั้งนี้ ไท้เฟิงจะเป็นฝ่ายแพ้ 

ฉินเสี่ยวกล่าว "ถึงแม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ แต่ไท้เฟิงก็เก่งมาที่มาถึงรอบนี้ได้ด้วยดาบสมบัติล้ำค่าที่เสียหายเล่มนั้น นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจ หากในการต่อสู้ต่อไปนี้เขาสามารถรับมือคู่ต่อสู้ได้ถึงยี่สิบกระบวนท่า ข้าอาจจะส่งเสริมให้เขาเข้ามาในฝ่ายกองทัพฉิน…. ชิงหวนลูกข้า เจ้าจงดูการต่อสู้ครั้งนี้ให้ดี เจ้าเองก็จะก้าวเข้าสู่ขั้นที่ห้าแล้ว แม้ว่าเจ้าฝึกทักษะการต่อสู้เฉพาะสำหรับผู้หญิง แต่ทุกสิ่งมันก็ไม่ต่างกันมากนักดังนั้นถ้าเจ้าตั้งใจดูและศึกษามัน มันจะช่วยเจ้าได้ "

ฉินเสี่ยวกล่าวคำไม่กี่คำนั้นกับฉินชิงหวน เธอพยักหน้าอย่างสุภาพและกล่าวตอบรับ "เพค่ะ ท่านปู่"

ทันทีที่ผู้ตัดสินให้สัญญาณเริ่มการต่อสู้ ผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อหลี่ฉีพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วด้วยการจู่โจมที่รุนแรง เขาหวังที่จะยุติการสู้รบโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เขานั้นมีความได้เปรียบในทุกด้าน! แน่นอนว่ามันจะจบอย่างรวดเร็ว!

เขาเริ่มใช้ทักษะแห่งตระกูลหลี่ ‘กระบี่ห้าเทือกเขาศักดิ์สิทธ์’! กระบี่เหมือนถูกครอบงำด้วยพลังรุนแรงเช่นภูเขาถูกที่ถล่มลงมา แต่ละครั้งที่จู่โจมจะมีแรงผลักดันที่มาพร้อมกับความรู้สึกอันสง่างามและพลังงานอันล้นหลาม มันก็สามารถที่จะเอาชนะทุกคนที่มีการฝึกฝนระดับต่ำกว่าได้ในกระบวนท่าเดียว แม้กับผู้ที่มีการฝึกฝนเท่ากันมันก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะรับการจู่โจมที่เป็นดังภูเขาถล่มของมัน นักรบส่วนใหญ่จะต้องยอมจำนนต่อการโจมตีอันหนักหน่วงนี้ 

เร็วที่สุดเท่าเขาจะทำได้ หลี่ฉีกำดาบฟาดผ่านอากาศเกิดเป็นลมตัดอากาศเป็นเสียงท่วงทำนองอันไพเราะ(กรรม มาสู้หรือมาออกซิงเกิลใหม่ครับเฮีย) ดาบในมือของเขาเป็นมีพละกำลัง 500 จิ๋น มันเป็นกระบวนท่าที่สมบูรณ์แบบที่จะแสดงอำนาจของ 'กระบี่ห้าเทือกเขาศักดิ์สิทธ์!'ออกมา หากปะทะกับอาวุธที่มีระดับต่ำกว่าแล้ว อาวุธเหล่านั้นคงแหลกสลายเป็นแน่!

ไท้เฟิงเห็นหลี่ฉีฟาดกระบี่ลงมา ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังมีสมาธิขึ้นมาทันที เขารู้ความลับของกระบวนท้านั้น เขาย่อเอวลงและวางขาของเขาอย่างมั่นคง มือทั้งสองจับดาบไว้มั่น เขาพุ่งร่างของเขาออกไปราวกับระเบิดออกมาด้วยพลังทั้งหมดของเขา!

สำหรับการจู่โจมของหลี่ฉี เขาเองก็ใส่พลังทั้งหมดของเขาลงไปเช่นกัน!

ไทเฟิงถ่ายเทพลังปราณของเขาเข้าไปในดาบ หัวใจของถูกดึงพลังงานออกไปจนเกินขีดจำกัดไปบ้างเล็กน้อย พลังมันไหลออกไปราวกับว่า ... ราวกับว่ามันจะดูดกลืนพลังปราณทั้งหมดของเขา!(จำบทแรกๆที่จู้ยันโชว์พลังฉีฝาดดาบผ่าต้นไม้ข่มหลินหมิงได้มั้ย @เปลี่ยนเป็นพลังปราณนะ)

ไท้เฟิง เคยใช้ดาบเล่มนี้มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ก่อนหน้านี้เมื่อเขาถ่ายเทพลังปราณลงไป มันเป็นเหมือนเทน้ำเข้าไปในคลองระบายน้ำ ดาบไม่สามารถดูดซับพลังปราณเหล่านั้นได้สักเท่าไร แต่ในขณะนี้เขากลับถูกดูดพลังปราณโดยดาบเสียเอง ดาบนั้นดูดพลังปราณของเขาเหมือนลมบ้าหมู แต่ก็มิได้รู้สึกว่าพลังปราณที่ถูกดูดเข้าไปเหล่านั้นจะเสียเปล่าเลยแม้แต่น้อย!

***คือปกติต้องถ่ายเทพลังให้ดาบเอง แล้วดาบก็ได้รับพลังที่ถ่ายเทให้ไม่เต็มที่ด้วย แต่นี้พอเขาเริ่มถ่ายเทพลังปราณให้ดาบ ดาบกลับเป็นฝ่ายดูดพลังงานจากเขาเอง แล้วใช้ทุกหยดของพลังปราณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

มันเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?

ไม่ได้มีเวลาให้ไท้เฟิงได้คิดแม้แต่น้อย กระบี่ของหลี่ฉีกำลังฟาดลงมาที่เขาดังนั้นเขาก็ตะโกนออกมาและฟาดดาบของเขาสวนกลับไป!

ด้วยทักษะระดับต่ำจากกองทัพของเขาท่า‘ผสานการทำลายล้าง’ เขาได้รู้ความลับทักษะระดับสูงของหลี่ฉีที่สืบทอดในตระกูล'กระบี่ห้าเทือกเขาศักดิ์สิทธ์!'ดาบของพวกเขาจะระเบิดอย่างรุนแรง การปะทะกันของพลังปราณ เกิดการปะทุขึ้นในอากาศและพื้นเวทีการประลองถูกทุบแยกออกจากกันเป็นสองฝั่ง หลี่ฉีพลังปราณผลักดันบังคับให้ต้องก้าวถอยหลังไปหลายก้าว แต่ไท้เฟิง ถอยกลับมาเพียงก้าวเดียวเท่านั้น!

มันคือเหตุการณ์ที่เป็นความจริงอย่างนั้นรึ?

ไท้เฟิงอ้าปากค้างและมองไปที่ดาบในมือของเขาใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะศรัทธา เขาไม่เคยต่อสู้กับหลี่ฉีมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินว่าเขาน่าจะเป็นอันดับหนึ่ง หลังจากการปะทะกัน ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่ากลัวผู้ชายคนนี้น่าเกรงขามอย่างแท้จริง! 

เขามั่นใจแน่นอนว่ามันไม่ใช่ความแข็งแก่รงของเขาเองที่เพิ่มขึ้น แต่เป็นเพราะดาบเล่นนี้ของเขามีการเปลี่ยนแปลง ... บางทีมันเป็นเพราะการจารึกเมื่อวานนี้?

ไท้เฟิงไม่เข้าใจว่าการจารึกทำงานอย่างไร แต่รู้ว่ามันสามารถเสริมพลังให้อาวุธได้ ไท้เฟิงคิดว่ามันอาจเพิ่มความคมของตัวดาบแต่หลังจากการทดสอบมันเมื่อวานนี้กับต้นไม้หลายต่อหลายต้น เขาไม่ได้รู้สึกถึงอะไรที่แตกต่างกันเลย เขาผิดหวังอย่างมาก เขาไม่เคยตระหนักว่าผลของจารึกจะแสดงออกเมื่อถ่ายเทพลังปราณลงไปภายในอาวุธ!

มันเป็นจารึกฝึกที่วาดโดยเด็กฝึกงานจริงๆรึ? เหตุใดมันถึงได้รุนแรงเช่นนี้? แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจการตั้งราคาของแผ่นจารึก แต่ในหัวใจของเขารู้ว่ามันมีความแข็งแก่รงและประสิทธิภาพเพิ่มสูงขึ้นมากนัก มันจะสามารถหาซื้อได้ด้วยเงิน 100 เหรียญทองได้อย่างไรกัน!

จากการปะทะกัน หลี่ฉีพึ่งได้สติกลับมาสู่ความเป็นจริง ผู้ชายคนนั้นตอบโต้เขาด้วยดาบที่หัก ทั้งผลที่ออกมายังแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ... บางทีมันอาจซ่อนพลังบางอย่างเอาไว้! ผู้ชายคนนี้ ... น่ากลัว!

"เยี่ยม!" ฉินเสี่ยวยกย่อง "นายทหารสามัญสามารถต่อกรกับหลี่ฉีที่ใช้ ‘กระบี่ห้าเทือกเขาศักดิ์สิทธ์’ ได้อย่างสูสี ด้วยดาบที่หักไท้เฟิงทำได้เยี่ยมยอด! น่าประทับใจ! ท่านมู่ยี่ท่านคิดเช่นเดียวกับข้ารึไม่? "

มู่ยี่ย่นคิ้วของเขาและไม่รู้จะตอบอย่างไรดี แม้ว่าเขากับฉินเสี่ยวจะระดับการฝึกฝนไม่ต่างกันมาก แต่เขาก็เป็นนักจารึกผู้เชี่ยวชาญดังนั้นความเข้าใจเรื่องคุณสมบัติต่างๆย่อมมากกว่าฉินเสี่ยว หลังจากการปะทะกันในช่วงสั้นๆ เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าดาบที่หักของไท้เฟิงไม่ได้มีความรุนแรงน้อยไปกว่าดาบของหลี่ฉี! และนั่นก็เพราะพลังปราณที่ถ่ายเทไปสู่ดาบ ดาบสามารถซึมซับแล้วใช้มันได้เต็มประสิทธิภาพจนน่าตกใจ!

มันจะเป็นเช่นนั้นอย่างนั้นรึ เมื่อพิจารณาดาบที่เสียหายของเขา ถึงมันจะเป็นสมบัติล้ำค้าแต่มันก็เป็นสมบัติล้ำค่าระดับต่ำ

ทั้งหมดนี่อาจเป็นเพราะการจารึกของดาบเล่มนั้นอย่างนั้นรึ?

ช่วยกดโฆษณาข้างล่างให้ผู้แปลด้วยนะค๊าบ