วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

บทที่ 20 ทักษะของจารึก


"ปัง!"


ไท้เฟิงและหลี่ฉีปะทะกันอีกครั้งปรากฏเป็นประกายไฟขึ้นมา พวกเขาทั้งสองเป็นนักรบที่มีความแข็งแกร่งและอดทน แต่ละการเคลื่อนไหวของพวกเขาปะทะกันอย่างต่อเนื่อง! ไท้เฟิงใช้ดาบที่หักต่อสู้กับหลี่ฉี แต่พลังปราณที่โผล่ออกมาจากดาบของเขารุนแรงกว่ากระบี่ของหลี่ฉีมากนัก!


"!"


การปะทะกันในครั้งถัดมา หลี่ฉีผิดพลาดด้วยความประมาท ทำให้ได้รับบาดแผลจากดาบของไท้เฟิง แม้ว่าเกราะของหลี่ฉีจะเป็นสมบัติหายาก แต่ดาบของฝ่ายตรงข้ามที่มีปราณที่รุนแรงเป็นสิ่งที่อันตรายและสามารถเจาะผ่านมาถึงร่างกายของเขาได้ ใบหน้าของหลี่ฉีซีดขาวในทันที เขาเกือบจะสำลักเลือดออกมา!


ฉินเสี่ยวเองก็สังเกตเห็นความผิดปกติที่ดาบ เขามองไปที่มู่ยี่และกล่าว "ดูเหมือนข้าจะประเมินว่าดาบเล่มนั้นผิดไป ดาบสมบัติเล่มนั้นยังอยู่ในระดับมนุษย์หรือไม่ ?"


มู่ยี่ตอบว่า "แน่นอนมันเป็นสมบัติระดับมนุษย์หรือต่ำยิ่งกว่า..." เขาเคาะนิ้วมือของเขากับส่วนแขนของเขาในขณะที่เขาครุ่นคิดถึงสาเหตุที่เป็นเช่นนั้น ขณะนี้ฉินชิงหวนที่เฝ้าจับตาดูอยู่เปิดปากของเธอและพูดว่า "อาจารย์บางทีสมบัตินั้นอาจถูกวางจารึกโดยยอดนักจารึก ?"


มู่ยี่กล่าว "ข้ายังสงสัยว่า ผู้ที่วาดจารึกลงดาบเล่มนั้นเป็นผู้วิเศษคนใด แม้ว่าดาบจะได้รับความเสียหายขนาดนั้น ยังทำให้เกิดพลังอำนาจได้ถึงเพียงนี้..."


ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น การต่อสู้บนเวทีก็ใกล้มาถึงตอนจบ หลี่ฉีได้รับบาดเจ็บและไม่มีทางออกอื่นใดให้เขา มันถึงเวลาที่เขาจะใช้รูปแบบต่อไปของ 'กระบี่ห้าเทือกเขาศักดิ์สิทธ์' เขาเรียนรู้มาเพียงเท่านี้และเก็บมันไว้เป็นไม้ตายก้นหีบสำหรับรอบสุดท้าย แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว หากไม่ใช้มันเขาจะต้องพ่ายแพ้เป็นแน่


หลี่ฉียกกระบี่ของเขาไว้บนหน้าอก พลังปราณที่อยู่ภายในตัวเขาเริ่มที่จะดังก้อง เขากล่าวขึ้นมา "ไท้เฟิง ข้ารับรู้ถึงความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าเป็นยอดคนอย่างแท้จริง! เพียงทักษะสามัญของเจ้าสามารถทำลายทักษะของตระกูลที่ข้ภาคภูมิใจได้ และข้าจะระเบิดพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของข้า และให้การต่อสู้จบลงในเวลานี้! จงเตรียมพร้อมที่จะรับมือการจู่โจมอย่างสุดพลังในครั้งสุดท้ายของข้าซะ! มังกรดำแห่งเทือกเขาหิมาลัย! "


หลี่ฉีร้องคำรามออกมาในขณะที่ถ่ายเทพลังปราณลงดาบของเขา ดาบสีดำส่องแสงสว่างสีส้มสดใสและดูหยิ่งผยอง หลี่ฉียกดาบขึ้นสูงเหนือศีรษะของเขาและมุ่งเป้าไปที่ไทเฟิง แล้วฟาดฟันไปอย่างรุนแรง! ตัวดาบของเขามีลำแสงหลายเฉดสีและอากาศสั่นสะเทือนเป็นคลื่นพลังซัดออกไป นี่คือ กรงเล็บมังกรดำ!


"เขาได้ใช้รูปแบบมังกรดำแล้ว มันแสดงให้เห็นว่าหลี่ฉีประสบความสำเร็จในวรยุทธของวงศ์ตระกูลอย่างยิ่ง ไท้เฟิงจะได้รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะต่อต้านการจู่โจมครั้งนี้! "


เมื่อเป็นเป๋าหมายของท่ามังกรดำรีบ ไทฟิงรู้ดีว่านี่คือกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของหลี่ฉี แม้ว่ามังกรดำจะมีพลังที่สามารถข่มขู่นักรบมากมายให้หวาดหวั่นได้ ไท้เฟิงกลับไร้ความรู้สึกนึกคิดใดใดไม่มีสิ่งอะไรในหัวของเขา มีแต่เพียงความสงบทอันหาที่เปรียบมิได้ ไม่ต้องกล่าวถึงความหวาดกลัว มันไม่มีอยู่เลยแม้แต่น้อย เขาจับดาบด้วยมือทั้งสอง เขารู้สึกได้ถึงความคุ้นเคยกับมันราวกับว่ามันเป็นเพื่อนเก่าของเขา


F * ck! เจ้าคิดว่าเจ้าจะชนะรึ แต่ข้าจะต้องเป็นผู้ชนะ!


สมองของไท้เฟิงทิ้งความคิดที่ไม่จำเป็นทั้งหมด เขาส่งเสียงคำรามอันดังก้องสะท้อนไปในอากาศและส่งพลังปราณทั้งหมดเข้ามาสู่ดาบของเขา พลังปราณในตัวดาบถูกบีบอัดอย่างหน้าแน่น จนถึงขีดจำกัด! ในเวลานี้มันปะทุขึ้นแสดงถึงความแข็งแกร่งอย่างท่วมท้น!


ไฟสว่างตระการตาที่ปล่อยออกมาจากตัวดาบแต่ละองศาก็คือพลังปราณ เป็นดังเช่นภูเขาไฟปะทุขึ้นจากดาบ มันกลายเป็นสีรุ้งสดใสที่เหวี่ยงคลื่นพลังไปข้างหน้าเหมือนดาวตก ปะทะเข้ากับพลังมังกรดำ


ล้มล้างฝ่ายคู่ต่อสู้ทั้งหมด!! ล้มล้างศัตรูทั้งหมด!! ล้มล้างทุกผู้ต่อกรตรงหน้า !!!


(หากใครงง มันคืออาคมล้มล้มล้างของหลินหมิงนั่นเอง เป็นอาคมแรกของกฎวิญญาณ ‘ครอบงำวิญญาณ’) 
มันคือทักษะของ ‘อาคมล้มล้าง’ - ‘จู่โจมหนักหน่วงชั่วพริบตา’!



"ปัง!"


เกิดการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นจนแทบไม่น่าว่ามันนะรุนแรงได้ถึงเพียงนี้ พลังมังกรดำถูกผ่าครึ่งด้วยพลังดาบของไม้! หลี่ฉีถูกเหวี่ยงหน้าคว่ำและสำลักเลือดออกมา!


ฉินเสี่ยวตะลึงเมื่อได้เห็นฉากตรงหน้านี้ พลังปราณผสานตัวกันได้อย่างไร้ที่ติ! ไม่มีการเสียเปล่าแม้แต่น้อย เป็นไปได้อย่างไร!!


แสงสว่างนั้นเป็นพลังปราณ แต่จะใช้พลังปราณได้เช่นนั้นอย่างน้อยต้องฝึกฝนอยู่ในขั้นผสานชีพจร(ขั้น6) ไท้เฟิงที่ฝึกฝนถึงเพียงขั้นดัดกระดูก(ขั้น5)ทำเช่นนั้นได้อย่างไร


ในเวลานี้ทันทีที่หลี่ฉีออกไปจากเขตเวที ไท้เฟิงทรุดตัวลงไปกับพื้นอย่างรวดเร็ว พลังปราณของเขาถูกใช้จนหมดไปอย่างสมบูรณ์ เขาถึงกับประคองตัวด้วยขณะที่เขาพยายามดันตัวเองขึ้นมา ดวงตาทั้งสองจ้องตรวจสอบที่มาจารึกอย่างเคารพ จารึกนี้ ... มันช่วยให้เขาประสบความสำเร็จ


เขายื่นมือออกมาช้าๆ ค่อยๆลูบไปที่เปลวไฟของจารึก กระแสของจิตวิญญาณการต่อสู้แผ่ออกมาอย่างต่อเนื่องจากจารึกและไท้เฟิงรู้สึกถึงความผูกพันใกล้ชินเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันกับมัน


ผู้ตัดสินกระโดดกระทืบเวทีและประกาศชัยชนะ ไท้เฟิง!!! น่าทึ่งอะไรเช่นนี้! เขามีความสามารถและเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงแซงหลี่ฉีที่ถูกเอาชนะโดยเขา!


ฉินเสี่ยวมองไท้เฟิงอย่างใจจดใจจ่อ และพูดกับมู่ยี่ "พลังปราณนั้นเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างไร? ไท้เฟิงใช้วิธีการใดทำเช่นนั้น? มันคงจะไม่ใช่วรยุทธสินะ"


"มันจะปรากฏขึ้นมาให้ได้เห็น!" มู่ยี่สูดลมหายใจเข้า ดวงตาของเขาแสดงให้เห็นร่องรอยของอาการตื่นตะลึง เขากล่าวว่า "ถ้าข้าคาดการณ์ไว้ไม่ผิดมันต้องเป็นฝีมือของทักษะจากจารึก จารึกอาจมีการเปลี่ยนแปลงการไหลพลังปราณและปล่อยทักษะออกมา ... .ในอาณาจักรลิขิตฟ้า เทคนิคดังกล่าวนั้นได้สูญหายไปเกือบหมดแล้ว ... "


***(ผู้คนในเมืองยังคิดว่าจารึกทำได้เพียงเสริมความสามารถ ความคม ความเร็ว ความแข็งแกร่งได้เท่านั้น)***


"ทักษะจากจารึก?" ฉินเสี่ยวตะลึง เขาไม่เคยได้ยินเรื่องทักษะจากจารึกมาก่อน แต่เขาก็เคยได้เห็นมันมาก่อน แปดสิบปีที่ผ่านมา เขาสั่งบัญชาการกองทัพเพื่อต่อสู้กับประเทศทางตะวันออก เขาได้ต่อสู้กับนายพลของศัตรูและได้พบเห็นทักษะของจารึกในเวลานั้น


ไม่คิดว่ามาก่อนว่าเมื่อผ่านมาอีกหลายสิบปี เขาจะได้เห็นมันอีกครั้ง! เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วพูดกับทหาร "ส่งคำข้าลงไปให้ไท้เฟิงมาพบข้า"


"ขอรับ ท่านจอมพล!"


...


ไท้เฟิงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจอมพลฉินจะเรียกเขามาพบเป็นการส่วนตัว มันคือการได้รับเกียรติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา! ในกรณีปกติทหารไม่ได้มีคุณสมบัติที่จะพบท่านจอมพลฉินโดยตรง


แม้ว่าเขาจะได้ผ่านความเป็นความตายมานับไม่ถ้วนหลากหลายสถานการณ์ แต่ทันทีที่เขาเห็นจอมพล คลื่นพลังอันหนักหน่วงบังคับให้เขาต้องคุกเข่า เขากล่าวด้วยความเคารพ "ไท้เฟิง ของแสดงความเคารพขอรับ ท่านจอมพล."


"ยืนขึ้น" ฉินเสี่ยวโบกมือ "ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่เพื่อถามเจ้าในบางคำถาม เจ้าได้ดาบของเจ้ามาจากไหน? "


"ด้วยความเคารพขอรับท่านจอมพล สามเดือนที่ผ่านมามันถูกนำมาจากศัตรูหลังจากการสู้รบขอรับ"


"โอ้ว? ให้ข้าดูมันหน่อย "


"ขอรับ" ไท้เฟิงยกดาบของเสนอให้กับจอมพลฉิน ฉินเสี่ยวสะบัดนิ้วบนใบดาบเป็นเสียงที่ชัดเจนดังขึ้นในอากาศ ข้าว่ามันต้องแตกหักมาเป็นนานแล้วแน่นอน 


ดาบเป็นสิ่งที่ดี แต่มันก็เสียหาย!


ฉินเสี่ยวส่งดาบให้กับมู่ยี่


มู่ยี่ถือดาบไว้ในมือและเพ่งสายตาของเขาไปยังรอยสลักเปลวไฟ เขาเอื้อมมือออกมาและสัมผัสกับจารึก เขาปิดตาของเขาลงในขณะที่พยายามรับรู้ถึงแรงจิตวิญญาณ


มู่ยี่ยังคงนิ่งอยู่เป็นเวลานาน เขาไม่ได้เอ่ยคำได้ออกมาแม้แต่คำเดียว แต่ฉินเสี่ยวเองรอคอยอย่างอดทน


หลังจากช่วงเวลาผ่านไปได้ซักพัก ในที่สุดมู่ยี่ก็เปิดตาของเขา เขาหันไปและให้ฉินชิงหวนถือมันไว้ ถึงมันเป็นไปไม่ได้สำหรับเธอที่จะบอกอะไรจากมันได้ แต่เขาก็อยากให้เธอลองรู้สึกถึงการทำงานของจารึกที่ถูกวาดปรมาจารย์ผู้นี้


ฉินชิงหวนถือดาบไว้แน่นและบังคับใช้จิตวิญญาณของเธอจมลงไปในรอยเปลวไฟที่สลักลงบนดาบ เธอเป็นที่มุ่งเน้นเพ่งสมาธิคิ้วคู้ที่งามของเธอขมวดลงช้า 


"มันเป็นไปอย่างไร" มู่ยี่ ถามฉินชิงหวน 


ฉินชิงหวน ตอบว่า "ด้วยพรสวรรค์ความรู้ในการจารึกของชิงหวนยังไม่สูงพอ ข้ารู้สึกเพียงว่ามันเป็นรูปแบบของจารึกลึกลับซับซ้อนยากที่จะเข้าใจและผู้วาดมันขึ้นมาต้องเป็นปรมาจารย์ที่เก่าแก่และเก่งกล้า"


มู่ยี่กล่าวขึ้น "มันเป็นเรื่องปกติที่เจ้าจะไม่สามารถเข้าใจมันได้ หลังจากที่จารึกเสร็จสมบูรณ์ อาคมนั้นจะถูกซ่อนอยู่ในไว้สมบัติ มันเป็นเรื่องยากที่จะสัมผัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคำจารึกที่ลึกลับและซับซ้อนชิ้นนี้ มันเรื่องที่น่าตกใจ บางทีหากข้ารู้ว่าเขาได้มันมาจากไหน ข้าอาจพบความลับมากขึ้น”


หลังจากมู่ยี่ กล่าววเช่นนั้น ไท้เฟิงกล่าวตอบโดยทันที "ด้วยความเคารพขอรับท่านจอมพล ข้าไท้เฟิงซื้อแผ่นจารึกนี้ที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง มันมีทั้งหมดเพียงสองแผ่น แต่ที่น่าเสียใจที่ข้าซื้อหนึ่งในนั้นมาแล้ว ถ้าท่านมูยี่ต้องการณ์ ข้าสามารถพาท่านไปร้านค้าแห่งนั้นได้ "


"หืมมม? ฉินเสี่ยวตกใจ "เจ้าซื้อจารึกนี้มารึ? มันไม่ได้มีอยู่ในดาบแต่แรกหรอกรึ? "


"ใช่ขอรับ ข้าวางมันในดาบ เมื่อวานนี้เอง "


เมื่อมู่ยี่ ได้ยินถ้อยคำนั้นจาก ไท้เฟิง เขาตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขาถามว่า "เจ้าซื้อมันจากที่แห่งใด?"


"ร้านค้าเล็กๆ ย่านการค้ากลางเมือง"


"ร้านค้ากลางเมือง?" มู่ยี่ชะงักชั่วคราว สินค้าที่ขายในร้านค้ากลางเมืองมีราคาไม่ควร200เหรียญทอง วิธีใดที่พวกเขาจะขายแผ่นจารึกที่ทรงพลังอย่างนี้ในที่แห่งนั้นได้อย่างไร แล้วไท้เฟิงมีเงินทองพอจะซื้อมันด้วยอย่างนั้นรึ 


ดังนั้น มู่ยี่ กล่าวถามข้อสงสัยบางอย่าง "เท่าที่ข้ารู้มาครอบครัวของเจ้าเป็นเพียงปุถุชนธรรมดา พวกเจ้าไม่น่ามีเงินทองมาพอจะซื้อจารึกราคาแพงนี้ได้มิใช่รึ? "


ผูกฮลังเลเล็กน้อยแล้วกล่าวตามความเป็นจริง "มัน... ในเวลาที่ข้าซื้อมัน มันถูกติดราคาไว้เพียง 100 เหรียญทอง ข้าจ่ายเพื่อมันไปแค่เพียงเท่านั้น... "





"หนึ่ง ร้อ... เท่าไหร่นะ?” ดวงตาของมู่ยี่เบิกกว้างขึ้นอย่างกับจาน "เหนึ่งร้อยเหรียญทองรึ!!!!!!? แผ่นจารึกนี้ราคา 100 เหรียญ ทอง!?!? "