วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

บทที่ 22 แข็งแกร่งและประณีต
...

...

...

วันนี้หลินหมิงฝึกฝนการแร่เนื้อด้วยด้านหลังที่ไร้คมของมีด เขานำเงินครึ่งหนึ่งที่ได้จากขายจารึก92เหรียญทองไปใช้ในการซื้อยา ในตอนนี้เมื่อเขาได้ฝึกฝนมา เขาก็สามารถปล่อยหมัดลึกลงไปในต้นไม้เหล็กได้ถึง 7 นิ้วในแต่ละหมัด พละกำลังของเขาคงไม่ต่ำไปกว่า 1500 จิ๋น

แต่เขาก็ยังไม่ถึงขอบเขตชั้นเลิศตามที่อธิบายไว้ในตำรา‘จุดสูงสุดแห่งความโกลาหล’ ซึ่งแต่ละกำปั้นจะรุนแรงและพลิ้วไหวดั่งแพรไหม มันเรียกว่า 'ไหลลื่นดุจแพรไหม' มันเป็นการควบคุมความแรงของหมัด ทันทีที่เขาประสบความสำเร็จนี้ตามที่ได้อธิบายไว้ใน ‘จุดสูงสุดแห่งความโกลาหล’ แล้ว ถ้าเขาจะชกต่อยที่ต้นไม้เหล็ก เปลือกนอกของมันจะไร้รอยด่างพร้อย แต่เนื้อไม้เหล็กภายในจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ! หลินหมิงยังไปไม่ถึงขั้น 'ไหลลื่นดุจแพรไหม'

หลินหมิงดื่มซุปสมุนไพรและถอดเสื้อของเขาออก เขาได้ฝึกแร่เนื้อเช่นนี้ทุกวัน ด้วยวิธีนี้เขากำลังค่อยๆเริ่มเข้าใจวิธีการควบคุมความรุนแรงของเขา

ห้องครัวร้อนมากและด้วยการใช้ด้านหลังของมีดมันจึงต้องใช้พละกำลังเพิ่มขึ้นหลายต่อหลายเท่า เขายังโคจรพลัง'ปฐมโกลาหล' ในเวลาเดียวกับที่เขาตัดมัน เส้นทางของเหงื่อไหลลงบนร่างกายของเขาไปทั่ว ในเวลานี้เขาไม่ได้รู้เลยว่าการจารึกของเขาได้ก่อให้เกิดความโกลาหลที่ครั้งยิ่งใหญ่ถึงเพียงใด

...

...

"ท่านมู่ยี่ แม่นางน้อยฉิน สถานประกอบการของเรายินดีต้อนรับพวกท่าน หากท่านต้องการที่จะเข้ามาพัก ทางเรามีที่พักส่วนตัวที่หรูหราเตรียมไว้ให้ท่านแล้ว "พี่สาวลาน(แม่ครัว) ได้รับทราบข่าวล่วงหน้าและมาที่ประตูทางเข้าหลักเพื่อทักทายแขกที่นับถือ ในนามของศาลาจันทร์กระจ่าง ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งมีร้านอาหารชั้นสูงและห้องพักพิเศษที่เตรียมไว้สำหรับแขกผู้มีเกียรติและอื่น ๆ ที่ผู้เข้าพักต้องการ แขกผู้มีเกียรติบางท่านมักจะไม่ชอบทานอาหารในภัตตาคาร ดังนั้นเพื่อที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายมากขึ้นสำหรับพวกเขา จึงที่มีห้องพักส่วนตัวหลายห้องเตรียมไว้ให้บริการ



"เสี่ยวเหลียนไปเตรียมชาสีฟ้าฤดูใบไม้ผลิที่ดีที่สุดที่เรามีและแจ้งที่ห้องครัวเพื่อเตรียมความพร้อมเป็นให้ดี นำอาหารที่ดีที่สุดมาเสิร์ฟ "ศาลาจันทร์กระจ่างมักจะสร้างความประทับใจให้แขกผู้มีเกียรติอีกมากมาย! มู่ยี่และฉินชิงหวนเป็นผู้มีชื่อเสียงทางสังคมพวกเขาเกี่ยวข้องกับจอมพลฉินและพระราชวังจักรพรรดิ พวกเขาย่อมเชฟฝีมือยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาจะมาเพื่อทานอาหารของที่นี่

ฉินชิงหวนกล่าว "สิ่งเหล่านั่นไม่จำเป็นแต่อย่างใด อาจารย์และข้ามาที่นี่เพื่อตามหาใครบางคน."

"โอ้? ใครกันที่ทำให้พวกท่านทั้งสองต้องออกมาตามหาด้วยตัวเองเช่นนี้?"

"ข้าได้ยินว่ามีเด็กอายุราวๆ 15-16 ปีอาศัยอยู่ที่นี่ ความสูงของเขาเท่าๆข้า และชื่อตระกูลของเขาคือหลิน "ฉินชิงหวนกล่าวถามหาหลินหมิง มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ห้องพักจะมีการลงทะเบียนด้วยชื่อตระกูลเพียงอย่างเดียว ยกตัวอย่างเช่นนายหลิน ฉิน ชิงหวนเดาว่าหลินหมิงก็อาจจะอาจารย์ของเขาถ้าเป็นเช่นนั้นการลงทะเบียนอาจไม่อยู่ภายใต้ชื่อหลิน

"สิบห้าหรือสิบหกปี ... ." พี่สาวลานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วถามเสี่ยวเหลียน "มีชายหนุ่มลักษณะนั้นอยู่คนที่นี่หรือไม่?"

เสี่ยวเหลียนส่ายหัวของเธอและกล่าวว่า "ข้าจำไม่ได้ แต่ข้าจะตรวจสอบสมุดบันทึกดู"

หลังจากที่เสี่ยวเหลียนจากไป พี่สาวลานไปต้องรับชิงหวนและมู่ยี่ ขณะที่พวกเขานั่งลงคุยกันได้ไม่นาน เสี่ยวเหลียนกลับมาและกล่าวว่า "ข้าตรวจสอบหนังสือบันทึกและไม่พบบันทึกของชายหนุ่มที่มาพักในเร็วๆนี้เลย"

ศาลาจันทร์กระจ่างเป็นสถานประกอบการที่มีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้เชี่ยวชาญและผู้มีชื่อเสียง พวกเขามักจะมีอายุมาก แทนจะไม่มีเด็กหนุ่มมาพักในแห่งนี้

มู่ยี่ขมวดคิ้วและกล่าวว่า "ไม่ได้อยู่ในช่วงสิบวันนี้รึ? เป็นไปได้อย่างไร? แปดวันที่ผ่านมาชายหนุ่มคนนั้นยังอยู่ที่ศาลาจันทร์กระจ่างอยู่เลย "

พี่สาวลานกล่าวอย่างจริงจังว่า "ศาลาจันทร์กระจ่างไม่ได้มีเหล่าหนุ่มสาวผู้เยาว์มาพักมากนัก บางทีถ้าท่านกำลังมองหาคนที่มีสกุลหลิน ยังมีอีกหนึ่งคนและมาทำงานในครัวที่นี้ตั้งแต่หลายเดือนที่แล้ว แต่ทว่า... เขาคงไม่ใช่คนที่แม่นางน้อยฉินกำลังตามหา "

พี่สาวลานคิดว่าฉินชิงหวนและท่านมู่ยี่ จะตามหาเด็กลูกชนชั้นสูง แม้ว่าหลินหมิงจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจในห้องครัว แต่ภูมิหลังของตระกูลของเขาธรรมดาสามัญอย่างยิ่ง และการฝึกฝนกายภาพของเขาก็ไม่ได้สูง เขาไม่ควรจะได้มีการติดต่อใดๆกับจอมพลฉิน



"ทำงานในครัว?" ฉินชิงหวน ถามอย่างประหลาดใจ

“เขาเป็นผู้แร่เนื้อ... เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีความรับผิดชอบมาก... มันเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม” พี่สาวลานเห็นฉินชิงหวนไม่รู้จักว่าอาชีพแร่เนื้อเป็นอย่างไร พี่สาวลานจึงอธิบายให้เธอ

"หั่นเนื้อ? เป็นไปไม่ได้ "มู่ยี่ได้ยินมันและไม่ได้สร้างความหวังใดๆให้แก่เขา ปรมาจารย์ยอดนักจารึกที่น่านับถือเป็นเครื่องตัดเนื้อ?(@แปลท่อนนี้ไปขำไป 555)

แต่ฉินชิงหวนไม่ได้สนใจถึงเรื่องนั้น เธอถามรายละเอียดเพิ่มเติม "เขามีชื่อเต็มว่าอย่างไร ?"

"ข้าไม่แน่ใจเท่าไหร่ เขาเป็นคนพูดน้อย เรารู้เพียงว่าชื่อตระกูลของเขาคือหลิน เขาควรจะทำงานในห้องครัวในขณะนี้ พวกท่านต้องการที่จะไปดูหรือไม่? "

"แน่นอน นำไปเลย "ฉินชิงหวนพยักหน้าขณะที่เธอลุกขึ้นยืน

พวกเขาเดินตามพี่สาวลานไป และมาถึงที่ห้องครัวของศาลาจันทร์กระจ่าง เมื่อเปิดประตูฉินชิงหวน รู้สึกถึงคลื่นอากาศร้อนอบอ้าวและไอน้ำรอบๆตัวเธอ มันเหมือนช่วงปลายฤดูร้อนที่บวกกับความร้อนจากห้องครัว เป็นความร้อนที่ยากจะทนได้

ฉินชิงหวนโคจรแรงจิตวิญญาณของเธอและปล่อยมันกระจัดกระจายไปรอบๆ และเข้าห้องครัวไปพร้อมกับพี่สาวลาน เหล่าเชฟในครัวต่างมองพวกเขาด้วยความประหลาดใจ บางส่วนระหว่างขากรรไกรของหนุ่มๆเกือบจะยืดลงถึงพื้น

ศาลาจันทร์กระจ่างมีแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากเข้าออกเป็นประจำ เหล่าบริกรและพ่อครัวที่มีประสบการณ์ความรู้ย่อมต้องรู้จักคนสำคัญเหล่านี้ พวกเขารู้จักฉินชิงหวนดีและไม่เชื่อในสายตาของพวกเขา ทั้งเมืองลิขิตฟ้าไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยินชื่อของเธอและเรื่องราวความรู้ความสามารถที่โดดเด่นของเธอ ทำไมเธอเข้ามาในห้องครัวของศาลาจันทร์กระจ่าง?

ในที่สุดพี่สาวลานก็หยุดและชี้ไปที่ห้องๆหนึ่งที่มุมของห้องครัว "เขาควรจะอยู่ที่นั่น ... "

ห้องครัวของศาลาจันทร์กระจ่างมีขนาดใหญ่มากแต่หลินหมิงทำงานอยู่ในห้องแร่เนื้อเล็กๆของเขา เขาจะหั่นเนื้อสัตว์ดุร้ายที่นี่แล้วส่งเข้าไปแช่ตู้เย็นสำหรับการเก็บรักษา

ประตูค่อยๆเปิดออก ฉินชิงหวนจ้องมองเข้ามาภายใน เธอได้เห็นเด็กหนุ่มสวมเพียงกางเกงสีเขียว กล้ามเนื้อบนหลังของเขาไร้เสื้อผ้าอาภรใดปกคลุม เขาก็ถือมีดแร่เนื้ออยู่ในขณะที่เขากำลังตัดลงไปบนเนื้อสัตว์ดุร้ายที่แข็งดุจหิน



เด็กหนุ่มกำลังเผชิญหน้ากับฉินชิงหวน มองที่ด้านหลังของชายหนุ่มที่มีกล้ามเนื้อสมมาตรและพอดีเหมาะสมกลับผิวสีแทนจากแสงแดด แสดงให้เห็นถึงสุขภาพที่ดีจากการออกกำลังกาย บางทีมันอาจจะเป็นเพราะความร้อนในห้องครัวหรืออาจเพราะเขาทำงานหนักมาก แต่เขากลับถูกปกคลุมไปทั่วร่างด้วยเหงื่อและส่อให้เห็นถึงความรู้สึกที่น่ากลัวของความแข็งแก่รง

เขาคือหลินหมิง?

ฉินชิงหวนไม่แน่ใจดังนั้นเธอจึงเดินเข้ามาอีกหลายก้าว เธอสังเกตรายละเอียดของชายหนุ่ม เขามีใบหน้าของหนุ่มอายุราว15ปีอ่อนโยนด้วยและเด็ดเดี่ยว แม้จะไม่เห็นได้ชัด แต่มองอีกไม่นานมันก็ทำให้หัวใจเต้นระรัวและก่อให้เกิดความรู้สึกน่าจดจำไม่รู้ลืม

แม้ว่าเธอจะเห็นเพียงมุมเล็กๆของเขา ฉินชิงหวนยอมรับว่ารูปลักษณ์ที่เห็นมันก็เริ่มที่ซ้อนทับกับภาพของหลินหมิงในหน่วยพิณ ไม่รู้ทำไม แต่มันเกิดขึ้นในใจของเธอ ความตื่นเต้นและอาการหน้าแดงที่แสดงถึงความเขินอายเล็กๆ



เธอไม่เคยจิตนาการถึงฉากตรงหน้าของเธอมาก่อน การจารึกที่ยอดเยี่ยมจำเป็นต้องใช้การควบคุมที่ดีของแรงดันจิตวิญญาณและความละเอียดอ่อน มันเป็นเช่นเดียวกับชายหนุ่มคนนี้ที่สร้างความประณีตลงบนเนื้อสัตว์? สองสิ่งนี้เป็นความคิดที่ขัดแย้งกันอย่างสมบูรณ์แต่ปรากฏในคนคนเดียวกัน ความประณีตอันละเอียดอ่อนที่อ่อยโยนและความแข็งแก่รงที่เรียบง่ายพลิ้วไหวไหลลื่น แสดงถึงสิ่งที่ตรงกันข้ามกันอยู่ ทำให้หัวใจของเธอเกิดความรู้สึกสงบมีสมาธิ

ในขณะนี้หลินหมิงมองไปรอบๆ ในห้องครัวที่มีหลายๆคนที่ผ่านมาและเมื่อหลินหมิงฝึกฝนเขามักจะไม่สนใจสภาพแวดล้อมของเขา แต่เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งที่แตกต่างจากปกติ มันอาจจะเป็นไปได้ว่าบางคนมาหาเขา

ทันทีที่เขาเห็นว่าคนๆนั้นคือฉินชิงหวน เขาหยุดชะงักชั่วคราว ฉินชิงหวน!!! เธอมาศาลาจันทร์กระจ่างทำไม? มาหาเขา?

ฉินชิงหวนสังเกตเห็นมีดที่ธรรมดาทั่วไปในมือหลินหมิง มันด้วยกว่ามีดแร่เนื้อทั่วๆไปเสียอีก แต่สิ่งที่ฉินชิงหวนประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือการที่หลินหมิงใช้ด้านหลังของมีดในการตัดเนื้อ นี้.. นี้เป็นเรื่องจริง ...

สายตาของเธอหันไปมองชิ้นส่วนของเนื้อสัตว์ที่หลินหมิงได้หั่นบางๆเอาไว้ มันมีความสอดคล้องเรียบคนเป็นระเบียบเรียบร้อย พวกมันเหล่านี้ถูกแร่โดยใช้ด้านหลังของมีด?

"แม่นางฉิน ท่านกำลังตามหาข้ารึ " หลินหมิงถาม เขาเห็นมู่ยี่ ที่อยู่ด้านหลังและหัวใจของเขาหดตัว ชายชราคนนี้ทำให้เขารู้สึกถึงความแข็งแก่รง แน่นอนว่าภูมิหลังของเขาก็น่าจะยอดนักสู้ที่มีการฝึกฝนกายภาพไปถึงขั้นผสานชีพจรหรือแม้กระทั่งจะก้าวไปถึงในระดับปราณฟ้าก็ยังเป็นเรื่องที่เป็นไปได้!



"เจ้าเด็กตัวน้อย เจ้าคือหลินหมิง?" ชายชราถามหลินหมิงด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา หลินหมิงพยักหน้า เขาไม่สามารถปกปิดอะไรได้จากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ เขาเดาว่ามันเป็นเพราะการขายแผ่นจารึกถูกให้ความสนใจจากชายชรา แม้ว่าเขาจะเคยคิดอยู่แล้วว่าสัญลักษณ์จารึกจะต้องได้รับความสนใจจากใครสักคน แต่เขาไม่ได้คิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้เร็วถึงเพียงนี้

เหตุการณ์นี้อาจจะเป็นโชคดี แต่มันก็อาจจะเป็นหายนะเช่นกัน ถ้ามันเป็นโชคดีแล้วราคาจารึกของเขาจะดีดตัวสูงขึ้นอย่างมิอาจประเมินได้ และเขาจะสามารถที่จะหาซื้อยาโอสถหายากบางอย่างเพื่อการฝึกฝน แต่ถ้ามันเป็นภัยพิบัติแล้วเขาจะเป็นเช่นกวางที่ถูกตามล่าและฆ่าเพื่อแย่เอาเขาของมัน แม้หลินหมิงมีความสามารถในการปกป้องตัวเอง แต่เหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็เขาอาจถูกกักขังและบังคับให้สร้างจารึกตลอดทั้งวัน

ก่อนที่หลินหมิงจะลงประมูล เขาเคยคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เขามีความคิดที่จะปลอมตัวและจารึกของเขา แต่เขาไม่ได้รู้ทักษะลึกซึ้งใดๆที่จะทำเช่นนั้นได้และยิ่งกว่านั้นด้วยอายุเพียงสิบห้าปีของเขาเป็นเรื่องยากที่จะปกปิดตัวตนไว้ได้

ไม่ช้าก็เร็วทักษะการจารึกของเขาจะได้รับความสนใจและมีกองกำลังหลักมาตามตัวเขา เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มมีการฝึกฝนกายภาพเพียงขั้นแรกและมีวงศ์ตระกูลที่ธรรมดาทั่วไป เขาใช้วิธีสินค้าราคาถูกเพื่อปิดบังตัวเองจากมหาอำนาจเหล่านี้ จริงๆแล้วมันก็ไม่แตกต่างจากเรื่องไร้สาระปัญญาอ่อน



ดังนั้นหลินหมิงจึงไม่ได้วางแผนหลบหนีเอาไว้ แต่เขามีความคิดในอีกหนทางที่แตกต่างกัน