วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

บทที่ 26 ความก้าวหน้า
แปล : Hakame
เรียบเรียง : Scrat Writer


...

...

...

เมื่อได้ฟังคำพูดของหลินหมิงและได้รายการวัสดุยาวเหยียดผู้ดูแลหอร้อยสมบัติหน้าแดงด้วยความโกรธขึ้นมาทันที ไอ้เด็กบ้านนอกมันคิดว่าจะมาเล่นในหอร้อยสมบัติได้อย่างนั้นรึ อย่างเช่นการสั่งซื้อสินค้าชุดใหญ่ที่มีมูลค่ารวมแล้วหลายพันเหรียญ! มันเป็นเหมือนกับว่าเด็กหนุ่มนี่กำลังซื้อผักกวางตุ้งที่ตลาด! แม้แต่ลูกหลานตระกูลขุนนางก็ไม่อาจมีเงินมากถึงหลายพันเหรียญทองเช่นนี้!



เขาโบกมือปฏิเสธอย่างอดทนพร้อมวางกระดาษรายการวัสดุลงบนโต๊ะและกล่าวว่า"ข้าจะเตือนเจ้าให้รู้ถึงบทลงโทษที่จงใจทำให้เกิดปัญหาในหอร้อยสมบัติ โทษของมันรุนแรงอย่างยิ่ง!"

"ไปเตือนแม่ของเจ้าแทนเถอะ!" หลินเซี่ยวตงทุบลงบนมือของผู้ดูแลร้าน เดิมทีผู้ดูแลร้านใช้ชีวิตในการทำธุรกิจเท่านั้น เขาไม่มีพรสวรรค์ในการต่อสู้ เพียงการทุบเบาๆของหลินเซี่ยวตงก็ทำให้เขากรีดร้องออกมาอย่างน่าเวทนา



"แก!" ผู้ดูแลร้านไม่อยากจะเชื่อว่าจะถูกทำร้ายเช่นนี้ มันกล้าที่จะก่อเหตุในหอร้อยสมบัติ!



"ดูไอ้หน้าโง่เหมือนหมานี่สิ คิดว่าพวกข้าไม่มีเงินรึ!" ในขณะที่หลินเซี่ยวตงกล่าว เขาเอื้อมมือเข้าไปในเสื้อคลุมของหลินหมิงและหยิบเอาธนบัตรสีทองออกมา เขาทุบลงบนโต๊ะด้วยแรงขนาด 100 จิ๋น โต๊ะถึงกับแตกร้าว เขาไม่มีทางพลาดที่จะสั่งสอนบทเรียนกับคนหยาบคายเช่นนี้?



ผู้ดูแลหอร้อยสมบัติมึนงงไปชั่วครู่ เขารีบสังเกตธนบัตรนั้นทันที มันเป็นธนบัตรที่มีค่าใบละ1000 เหรียญทอง!! จากที่ดูเด็กสองคนนี้มีมันอยู่ทั้งปึก ตีค่าออกมามีค่าหลายพันทอง!!! เงินก้อนใหญ่ขนาดนี้มีแต่ชนชั้นสูงเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้ถือครอง



ผู้ดูแลถึงกับหน้าถอดสี เป็นไปไม่ได้ เด็กที่พยายามเอาจารึกเน้าๆมาขายเมื่อไม่กี่วันก่อนจะเป็นชนชั้นสูง หรือว่าเขาขายอาคมเหล่าได้แพงถึงเพียงนี้?


ก็อาจจะเป็นไปได้ จารึกเหล่านั้นอาจจะเป็นของจริงที่มีราคาสูง พวกเขาถึงได้มีเงินมากมายเช่นนี้


ผู้ดูแลเศร้าสลดลงไปในทันที เขาได้ทำตัวหยาบคายต่อหน้าลูกค้าระดับสูงทั้งสองคน ถือเป็นความโง่เขล่าของตัวเขาเอง แต่อย่างไรเงินคือพระเจ้า!!



เขาทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ แล้วเอากระดาษรายการวัสดุขึ้นมาดู ของพวกนี้ไม่ได้มีราคาถูกๆเลย เขาคำนวณอย่างคร่าวๆ มันราคารวมกันเกือบๆ 6พันเหรียญทองเลยทีเดียว!! ซึ่งเขาจะได้ส่วนแบ่งประมาน 120 เหรียญ ว้าวววว!!


มันไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลยสำหรับส่วนแบ่งที่เขาจะได้ ถึงเขาจะไม่ค่อยพอใจเด็กพวกนี้ แต่มันก็ต้องทน เขามีทางยอมเสียส่วนแบ่งถึง 120 เหรียญทองไปอย่างแน่นนอน เขาจึงรีบลุกขึ้นแล้วโค้งลงอย่างสุภาพ “ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ ที่ไม่รู้ว่านายน้อยทั้งสองจะซื้อสินค้ามากมายเช่นนี้ ได้โปรดรอซักครู เดี๋ยวข้าน้อยจะรีบไปเตรียมสินค้ามาให้ท่านในทันที” (แหม พูดดีเชียวนะเมิงง)


ผู้ดูแลที่อ้วนเหมือนหมูรีบวิ่งดั่งสายลม สิ้นค้าที่หลินหมิงต้องการนั้นล้วนอยู่ในสถานที่ซึ่งห่างไกลกัน แต่ผู้ดูแลก็จัดหามาได้อย่างรวดเร็ว เขากลับมาที่โต๊ะแล้วบอกว่า “นายน้อยทั้งสองนี่คือสินค้าทั้งหมดที่ท่านต้องการขอรับ ได้โปรดตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งด้วย ทั้งหมดมีมูลค่า 5800 ทองขอรับ”


เมื่อเห็นกองสินค้ากองตรงหน้า หลินเซี่ยวตงหันไปถามหลินหมิง “ครบไหมท่านพี่?”


“ก็น่าจะประมานนั้นแหละ” หลินหมิงตอบ



เห็นดังนั้น หลินเซี่ยวตงก็ยิ้มนิดๆ แล้วกล่าวว่า “โทษทีนะ นี่อาจจะเป็นเรื่องของความพอใจของลูกค้า แต่ถ้าข้าได้ชำระเงินกับผู้ดูแลท่านอื่น ข้าจะพอใจมากกว่า?” ใบหน้าที่ยิ้มระรื่นของผู้ดูแลพลันบึ้งขึ้นมาในทันที


ในร้านค้าระดับสูงเช่นหอร้อยสมบัติ มันเป็นปกติอยู่แล้วที่จะมีผู้ดูแลหลายคน ซึ่งถูกคัดตามความสามารถ ส่วนค่าคอมมิชชั่นของแต่ละคนขึ้นอยู่กับราคาสินค้าที่ตนเองได้ขายออกไป


หลินเซี่ยวตงรู้ในเรื่องนี้ดี จึงอยากจะสั่งสอนผู้ดูแลที่ต่ำทรามคนนี้เสียหน่อย “ช่วยไปเรียกมาเร็วๆล่ะ พวกข้ากำลังรีบ”


เมื่อผู้ดูแลรู้ว่าหลิน เซี่ยวตงจะเล่นงานเขา ไฟแค้นในใจก็พลันปะทุขึ้นมา ถ้าเป็นคนชนชั้นสูง เขาคงจะยอมปล่อยไปแล้วถือว่าเป็นข้อผิดพลาดของเขาเอง แต่นี่!! มันเป็นแค่เด็กหนุ่มสองคน ที่จู่ๆก็รวยขึ้นมา บังอาจมาข่มเหงเขา เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ปล่อยให้ตนเองถูกหยามศักดิ์ศรีเช่นนี้ เขาตอบกลับไปด้วยเสียงเย็นชา “ในหอคอยร้อยสมบัติแห่งนี้ มีข้าเป็นผู้ดูแลแต่เพียงคนเดียว ข้าจะไปหาคนอื่นได้ที่ไหน?” (แหมโกหกหน้าด้านๆเลยนะเมิง)


“ไอ้คนโป้ปด อย่าพยายามโกหกข้าหน่อยเลย อย่าให้ข้าต้องไปคุยกับผู้บริหารของร้านด้วยตนเอง”


“เอาสิ!!” ผู้ดูแลกล่าวอย่างมั่นใจ ผู้บริหารรึ เจ้าเด็กพวกนี้คิดว่าจะมีสิทธิพบผู้บริหารของหอร้อยสมบัติได้งั้นรึ เหอะ
ในขณะที่เขาคิดในใจอยู่ ผู้ดูแลอ้วนก็เหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งเข้า!! บัตรสมาชิกสีม่วง!! (บัตรที่มู่ยี่ให้หลินหมิง)
ผู้ที่มีบัตรนี้จะได้รับส่วนลด 10%ตราบเท่าที่ไปซื้อของในร้านที่อยู่ในเขตเมืองลิขิตฟ้า


มีเพียงตระกูลราชวงศ์เท่านั้นที่จะมีบัตรนี้ได้!!!


หัวใจของผู้ดูแลหยุดเต้นในทันที บัตรสมาชิกสีม่วงนี้ ราชวงศ์จะมอบให้คนในตระกูลนักรบชั้นสูงเท่านั้น มีไม่ถึง100ใบในอาณาจักรแห่งนี้ นั่นแสดงว่า ผู้ที่มีบัตรนี้ถ้าไม่ใช่ราชวงศ์ก็ต้องเป็นผู้อาวุโสในกองทัพ ซึ่งตระกูลเหล่านั้นสามารถขยี้เขาได้เหมือนขยี้แมลง

“จบแล้ว…. ชีวิตข้าจบแล้ว….” เขาได้แต่พูดในใจ เด็กหนุ่มสองคนนี้จะต้องได้ตระกูลนักรบชั้นสูงสนับสนุนเป็นแน่ ไม่ก็..ลูกของจักรพรรษที่ออกมาเดินเล่นนอกปราสาท



ไม่จริงน่า ชีวิตข้าช่างรันทดเสียจริง ข้าไม่น่าประมาทเช่นนั้นเลย ผู้ดูแลร้านพึมพำอย่างหมดอาลัยตายอยาก



“ท่านทั้งสอง ข้าน้อยผู้ต่ำต้อยนี้ผิดไปแล้วสมควรได้รับโทษ ข้าน้อยจะไปเรียกผู้ดูแลคนอื่นให้ท่าน ได้โปรดอย่าถือสาข้าน้อยเลยยย” แล้วผู้ดูแลก็เริ่มตบหน้าตัวเองซ้ำๆ แก้มยุ้ยๆของเขาเด้งดึ๋งๆๆ



หลินเซี่ยวตง งงเป็นไก่ตาแตก นี่มันกินยาไม่เขย่าขวดรึเปล่าเนี่ย??


ผู้ดูแลตัวอ้วนรีบไปตามผู้ดูแลท่านอื่นอย่างรวดเร็ว(กลัวโดนเชือด) และแล้วเขาก็พบกับผู้ดูแลอีคนหนึ่ง แล้วเขาก็ได้แต่ขอโทษซ้ำแล้วซ้ำอีก จากนั้นก็ได้เรียกรถม้ามาเพื่อรับพวกเขาทั้งคู่ไปส่ง


เมื่อกลับมาถึงที่พักของหลินหมิง หลินเซี่ยวตงไม่ทันเห็นบัตรสมาชิกสีม่วง จึงไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ผู้ดูแลทำตัวเช่นนั้น เขาคิดว่าเป็นเพราะอำนาจเงินของหลินหมิง แต่กระนั้นเขาก็รู้สึกสนุกสุดๆ



“ฮ่าๆ มันตลกมากเลย ข้ายังจำตอนที่มันกลัวพี่ได้อยู่เลย นี่ถ้าพี่ไม่รีบนะ ข้าคงจะได้ฟ้องผู้จับริหารแล้วบังคับให้ไล่เจ้านั่นออกแล้วเชียว”



กลับกันหลินหมิงนั้นรู้เรื่องราวทุกอย่าง เขารู้ว่าผู้ดูแลอ้วนนั่นเห็นบัตรม่วงของเขา แนวคิดที่เขามีต่อบัตรได้เปลี่ยนไปทันที เขาไม่คิดเลยว่าตระกูลนักรบชั้นสูงจะมีอำนาจทัดเทียมราชวงศ์เลยทีเดียว



“คนบางคนใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก การประจบประแจกและความก้าวร้านเป็นสิ่งที่พวกเขาทำไปเพื่อความอยู่รอด ไม่จำเป็นต้องไปโหดเหี้ยมกับเขาขนาดนั้น เซี่ยวตง เกราะหนังและโอสถกวางทอง3เม็ดนี่เป็นของเจ้า”



โอสถกวางทองนั้นสามารถขัดสิ่งปฏิกูลออกจากร่างกายได้ดี โดยเม็ดแรกจะได้ผลมากที่สุด เม็ดต่อไปผลจะเหลือเพียงครึ่งเดียว ถ้าใช่มากกว่า3เม็ดก็ถือว่าเสียของเปล่าๆ ส่วนยาเม็ดผสานวิญญาณนั้นสามารถทานได้ไม่จำกัด แต่ว่ามันจะส่งผลต่อผู้ที่ขยันฝึกเท่านั้น เซี่ยวตง ไม่ค่อยฝึก ดังนั้นไม่มีประโยชน์ที่จะให้เขาไป



โอสถกวางทอง 3เม็ดและเกราะหนังอันนั้น มีค่าถึง1000เหรียญทอง เลยทีเดียว สำหรับหลินเซี่ยวตงแล้วมันเป็นของที่มีค่ามหาศาล เขาคิดอยู่ในใจว่า ถ้า1000เหรียญ เป็นแค่เศษเงินของ หลินหมิงแล้วล่ะก็ ไม่ต้องคิดเลยว่าต่อไปหลินหมิงจะมีเงินมากขนาดไหน “งั้นข้าไม่เกรงใจล่ะนะพี่หมิง ต่อไปท่านจะต้องเป็นร่มเงาให้ข้าอาศัยแล้วล่ะ”



หลิงหมิงยิ้มแล้วบอกว่า “เราเป็นพี่น้องกัน ไม่ต้องสุภาพมากก็ได้ อ้อแล้วก็……” เขาหยิบธนบัตรออกมา 3 ใบ
“เมื่อคนส่งข่าวมาถึงเมืองลิขิตฟ้าในครั้งต่อไป ฝากเจ้าเอาธนบัตรพวกนี้ไปให้พ่อ-แม่ข้าหน่อย แล้วบอกให้พวกเขาซื้อภัตตาคารไว้เลย”



พ่อแม่ของเขาได้ใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตทำงานในภัตตาคารนั้นจึงเป็นธรรมดาที่จะรู้สึกผูกพันธุ์ หลินหมิงจึงอยากจะช่วยซื้อภัตตาคารให้เป็นของขวัญ และเพื่อแบ่งเบาภาระของพวกเขาด้วย “เชื่อมือข้าได้เลย”



เมื่อหลินเซี่ยวตงกลับไป หลินหมิงก็กลับมาในห้องของเขา เขามองไปที่ปฏิทิน แล้วเห็นว่าวันสอบเขาสำนักเจ็ดแก่นแท้เหลือเพียง 50วันเท่านั้น ในช่วงนั้น เขาจะต้องแกร่งขึ้นให้ได้!!



โอสถกวางทองและยาผสานวิญญาณไม่ได้เพิ่มพลังการต่อสู้โดยตรง โดยโอสถกวางทองนั้นจะขับสิ่งปฏิกูลออกจากร่างกาย ในขณะที่ยาผสานวิญญาณจะทำให้การฝึกจิตนั้นง่ายขึ้น เมื่อใช้รวมกันเขาจะสามารถฝึกได้นานขึ้น



ในการบ่มพลังอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นจะทิ้งสิ่งปฏิกูลเอาไว้ในร่างกาย ถึงแม้จะฝึกได้เร็วขึ้นแต่รากฐานวิญญาณจะไม่มั่นคงพอ ส่วนใหญ่จึงต้องใช้เวลามากในการควบคุมพลังให้เสถียร



หลินหมิงรู้วิธีเพิ่มสรรพคุณของยา แต่โอสถกวางทองไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เขาจึงทานมันเข้าไปเลย


หลินหมิงเติมน้ำลงในอ่างแล้วรีบเปลื้องผ้าลงไป เขารู้สึกถึงการไหลเวียนของเลือดบริเวณอก เขาเริ่มโคจรพลัง ปฐมโกลาหลทันที สิ่งปฏิกูลที่ตกค้างก็เริ่มหายไป โอสถกวางทองออกฤทธ์แล้ว!!



หลินหมิงรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาถูกชำระล้าง!!


ในร่างกายของนักสู้แล้ว ตั้งแต่ออกมาจากท้องแม่ได้รับสิ่งปฏิกูลหลากหลายทั้งในอากาศ อาหาร น้ำ สะสมมาในร่างกาย โอสถกวางทองมีอากาศบริสุทธ์โดยกลั่นมาจากตัวอ่อนของกวางทอง จึงสามารถชำระล้างสิ่งปฏิกูลทั้งหลายในร่างกายได้เป็นอย่างดี



หลินหมิงอยู่ในอ่างตลอดทั้งคืน จนน้ำในอ่างเริ่มจะเปลี่ยนสีเป็นสีดำๆ นี่คือสิ่งปฏิกูลในร่างของหลินหมิง

ในตระกูลชั้นสูงแล้วเมื่อบุตรของพวกเขาอายุ12ปีแล้ว เขาจะให้บุตรแช่ในอ่างน้ำที่เต็มไปด้วยยาหายาก เพื่อทำการชำระล้างก่อนฝึกจิต หรือ วิถีนักรบ ซึ่งจะทำให้สามารถบ่มพลังได้ดีขึ้นมาก



รุ่งสาง หลินหมิงเปิดตาขึ้นโอสถกวางทองได้ถูกเขาดูดซับไปจดหมดและร่างของเขาได้ถูกชำระล้างแล้ว



หลินหมิงลองใช้วิชา ปฐมบทความโกลาหล มันง่ายมากที่จะควบคุม หลินหมิงยังพบอะไรอีกอย่าง ดูเหมือนว่าพลังวิญญาณจะแผ่ออกไปทั่วทั้งร่างของเขา นี่เป็นจุดเริ่มต้นของขั้นที่สอง ขั้นผิวกายภายนอก!





หลินหมิงบรรลุขั้นที่สองของขั้นผิวกายภายนอกแล้ว !!!!!